แนวทางการปรับปรุงฟื้นฟูย่านที่กระจัดกระจาย
Tachieva ได้เสนอให้ใช้ 3 เทคนิคในการปรับปรุงฟื้นฟูย่านที่กระจัดกระจายได้แก่ เทคนิคการออกแบบชุมชนเมืองซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ระดับประกอบด้วย การฟื้นฟูในระดับภาค (The regional scale) ได้แก่ การฟื้นฟูโครงสร้างการใช้ประโยชน์ที่ดิน โครงข่ายการคมนาคมและขนส่ง และสาธารณูปโภคโดยปรับปรุงการใช้ประโยชน์และหน้าที่ให้ตอบสนองต่อสภาวะแวดล้อมและสภาพที่แท้จริงของโครงสร้างทางภูมิศาสตร์ ระดับที่สองได้แก่ การฟื้นฟูระดับชุมชน (The Community scale) ให้ความสำคัญกับการสร้างศูนย์ชุมชนและขอบเขตที่มีระยะการเดินถึงที่ชัดเจน ระดับที่สามได้แก่ การฟื้นฟูระดับบล๊อกที่ดิน (The block scale) ซึ่งเป็นการลดขนาดและปรับปรุงรูปทรงบล๊อกให้เหมาะสมกับการเดิน การวางแผนอาคารและการใช้ประโยชน์ และระดับที่สี่ได้แก่ การฟื้นฟูระดับอาคาร (The building scale) ที่เน้นความกระชับของอาคารและการจัดวางที่เหมาะสม เทคนิคการฟื้นฟูด้วยการออกแบบชุมชนเมืองดังภาพด้านล่าง

ภาพแสดงเทคนิคการฟื้นฟูตามหลักการออกแบบชุมชนเมือง
ที่มา : Galina Tachieva, Sprawl Repair Manual, 2010
สำหรับเทคนิคที่สองได้แก่ การปรับปรุงลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดินตามโครงสร้างสภาวะแวดล้อมหรือ The Transect และเทคนิคที่สามการนำสู่การปฎิบัติ เนื่องจากทั้งสองเทคนิคมีรายละเอียดที่ต้องแจกแจงมากดังนั้นจะขอกล่าวถึงในบทความฉบับต่อไป
อย่างไรก็ตาม Tachieva ได้แบ่งการปรับปรุงฟื้นฟูย่านที่กระจัดกระจายออกเป็น 7 ขั้นตอน สรุปได้ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 การหาตัวแปรที่มีอิทธิพลในการกระจัดกระจาย ได้แก่ การจำแนกปัจจัยด้านภูมิศาสตร์ที่เป็นเครื่องกำหนดขอบเขตการเติบโตและการกระจัดกระจาย และการจำแนกประเภทของปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการกระจัดกระจายซึ่งต้องกำหนดเป้าหมายในการฟื้นฟูสภาพซึ่งได้แก่ ทางด่วน ถนนสายหลัก ถนนสายรอง ถนนซอย และถนนภายในโครงการแบบ cal-de-sac ทั้งนี้ ปัจจัยที่ควรพิจารณาได้แก่ ลักษณะของโครงข่าย การเชื่อมต่อกับย่านการใช้ประโยชน์ที่ดิน สภาพการใช้ประโยชน์ โอกาสในการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับระบบขนส่งมวลชนและการขนส่งสีเขียว ฯลฯ

ขั้นตอนที่ 1 การจำแนกปัจจัยด้านโครงข่ายคมนาคม
ที่มา : Galina Tachieva, Sprawl Repair Manual, 2010
ขั้นตอนที่ 2 การกำหนดประเภทและพื้นที่ต้องสงวนรักษา เป็นการสำรวจและจำแนกขอบเขตประเภทที่ดินและโครงสร้างพื้นฐานทางธรรมชาติที่ต้องทำการสงวนรักษา (Preservation) ได้แก่ พื้นที่ธรรรมชาติ พื้นที่ต้นน้ำและแหล่งน้ำขนาดใหญ่ พื้นที่ชุ่มน้ำ ที่โล่งทั้งเพื่อการอนุรักษ์และการเก็บสำรองน้ำ พื้นที่ประเภทนี้ห้ามดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทำลายสภาพความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และพื้นที่ต้องดูแลรักษา (Reservation) ได้แก่ พื้นที่การเกษตร โครงข่ายระบบการระบายน้ำ พื้นที่สีเขียวที่งดงามตามธรรชาติ พื้นที่เหล่านี้ต้องปรับปรุงฟื้นฟูให้มีความสมบูรณ์และมีศักยภาพในการสร้างเสริมเศรษฐกิจชุมชน
ขั้นตอนที่ 3 การลำดับความสำคัญของย่านพาณิชยกรรมและแหล่งงานที่ต้องปรับปรุงฟื้นฟู ได้แก่ การจำแนกประเภท ที่ตั้ง และรัศมีการให้บริการของแหล่งพาณิชยกรรมระดับต่างๆ พร้อมจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังในการปรับปรุงฟื้นฟู เช่น ร้านสะดวกซื้อ กลุ่มร้านค้าปลีก ย่านพาณิชยกรรม ศูนย์พาณิชยกรรมระดับย่าน ศูนย์พาณิชยกรรมระดับภาค กลุ่มที่ตั้งของแหล่งงาน ฯลฯ ในการจำแนกต้องศึกษาลงลึกประเภทและขนาดของกิจการ รัศมีการให้บริการ (ทั้งระยะการเดินถึงหรือ walk score และการให้บริการในระยะกระจัดกระจาย)

ภาพการจำแนกรัศมีการให้บริการของแต่ละหน่วยบริการพาณิชยกรรม
ที่มา : Galina Tachieva, Sprawl Repair Manual, 2010
ขั้นตอนที่ 4 การกำหนดพื้นที่ให้บริการของระบบขนส่งมวลชนและโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ การวิเคราะห์การให้บริการของระบบขนส่งมวลชนได้แก่ รถบัสขนส่งมวลชน รถไฟฟ้า streetcar รถไฟฟ้ารางเบา และรถไฟประเภทต่างๆ โดยใช้ที่ตั้งของสถานีขนส่งเป็นจุดกำหนดรัศมีการเดินถึง สำหรับโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ให้ใช้รัศมีบริการจากสองข้างทางที่เส้นสายโครงข่ายพาดผ่าน

ภาพการกำหนดรัศมีบริการของระบบขนส่งมวลชนด้วยระยะการเดินถึง
ที่มา : Galina Tachieva, Sprawl Repair Manual, 2010
ขั้นตอนที่ 5 กำหนดเป้าหมายพื้นที่ต้องปรับปรุงฟื้นฟู กำหนดพื้นที่พาณิชยกรรมที่ควรได้รับการปรับปรุงฟื้นฟูด้วยการกำหนดที่ตั้งของย่านพาณิชยกรรมประเภทต่างๆ พร้อมรัศมีบริการ โดยแบ่งพื้นที่พาณิชยกรรมออกเป็น 3 กลุ่มประกอบด้วย ศูนย์พาณิชยกรรมชุมชน ศูนย์พาณิชยกรรมเมือง และศูนย์พาณิชยกรรมระดับภาค ทั้งนี้ให้ซ้อนทับที่ตั้งของแหล่งงานลงไปด้วย

ภาพแสดงการกำหนดที่ตั้งพื้ที่ปรับปรุงฟื้นฟู
ที่มา : Galina Tachieva, Sprawl Repair Manual, 2010
ขั้นตอนที่ 6 การเปลี่ยนย้ายพื้นที่พัฒนาออกจากพื้นที่สงวนรักษา ได้แก่ การใช้กลยุทธ์ The Transfer of Development Right (TDR) ในการออกข้อบัญญัติของท้องถิ่นเพื่อแลกเปลี่ยนพื้นที่สงวนรักษาและพัฒนา เนื่องจากกลยุทธ์ TRD มีความใกล้เคียงกับการจัดรูปที่ดินซึ่งมีปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการมากในประเทศไทย ดังนั้น ในทางปฏิบัติจึงควรใช้การเวนคืนหรือจัดซื้อที่ดินที่รัฐต้องสงวนรักษาแทนการใช้ TRD
ขั้นตอนที่ 7 การสรุปพื้นที่ปรับปรุงฟื้นฟู ได้แก่ การซ้อนทับพื้นที่ตามขั้นตอนที่ 2, 3, 4 และ 5 พร้อมกำหนดขอบข่ายพื้นที่อนุญาตให้พัฒนาและพักอาศัย โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น ศูนย์พาณิชยกรรมชุมชน ศูนย์พาณิชยกรรมเมือง และศูนย์พาณิชยกรรมระดับภาค ที่ตั้งของแหล่งพาณิชยกรรม ที่ตั้งแหล่งงาน และพื้นที่ยังอยู่ในภาวะกระจัดกระจาย

แผนที่กำหนดพื้นที่ปรับปรุงฟื้นฟู
ที่มา : Galina Tachieva, Sprawl Repair Manual, 2010
สรุป
บทความได้แสดงให้เห็นลักษณะสำคัญของพื้นที่สองประเภทได้แก่ พื้นที่เมืองที่สมบูรณ์กับพื้นที่เมืองที่กระจัดกระจาย จะเห็นได้ว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการปรับปรุงฟื้นฟูพื้นที่ที่เติบโตตามธรรมชาติและกระจัดกระจายให้มีสภาพเป็นชุมชนที่กระชับ ทั้งนี้เพื่อความคุ้มค่าในการใช้ประโยชน์ที่ดิน การประหยัดการใช้ทรัพยากร การลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง การลดภวะโลกร้อน และการสร้างสรรค์ชุมชนแห่งการเดินซึ่งจัดเป็นชุมชนแห่งความยั่งยืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น