วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

แนวทางการปรับปรุงฟื้นฟูย่านที่กระจัดกระจาย



แนวทางการปรับปรุงฟื้นฟูย่านที่กระจัดกระจาย

            Tachieva ได้เสนอให้ใช้ 3 เทคนิคในการปรับปรุงฟื้นฟูย่านที่กระจัดกระจายได้แก่ เทคนิคการออกแบบชุมชนเมืองซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ระดับประกอบด้วย  การฟื้นฟูในระดับภาค (The regional scale) ได้แก่  การฟื้นฟูโครงสร้างการใช้ประโยชน์ที่ดิน โครงข่ายการคมนาคมและขนส่ง  และสาธารณูปโภคโดยปรับปรุงการใช้ประโยชน์และหน้าที่ให้ตอบสนองต่อสภาวะแวดล้อมและสภาพที่แท้จริงของโครงสร้างทางภูมิศาสตร์  ระดับที่สองได้แก่ การฟื้นฟูระดับชุมชน (The Community scale) ให้ความสำคัญกับการสร้างศูนย์ชุมชนและขอบเขตที่มีระยะการเดินถึงที่ชัดเจน  ระดับที่สามได้แก่  การฟื้นฟูระดับบล๊อกที่ดิน (The block scale) ซึ่งเป็นการลดขนาดและปรับปรุงรูปทรงบล๊อกให้เหมาะสมกับการเดิน การวางแผนอาคารและการใช้ประโยชน์  และระดับที่สี่ได้แก่  การฟื้นฟูระดับอาคาร (The building scale) ที่เน้นความกระชับของอาคารและการจัดวางที่เหมาะสม เทคนิคการฟื้นฟูด้วยการออกแบบชุมชนเมืองดังภาพด้านล่าง

ภาพแสดงเทคนิคการฟื้นฟูตามหลักการออกแบบชุมชนเมือง
ที่มา : Galina Tachieva, Sprawl Repair Manual, 2010

            สำหรับเทคนิคที่สองได้แก่ การปรับปรุงลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดินตามโครงสร้างสภาวะแวดล้อมหรือ The Transect และเทคนิคที่สามการนำสู่การปฎิบัติ เนื่องจากทั้งสองเทคนิคมีรายละเอียดที่ต้องแจกแจงมากดังนั้นจะขอกล่าวถึงในบทความฉบับต่อไป
อย่างไรก็ตาม Tachieva ได้แบ่งการปรับปรุงฟื้นฟูย่านที่กระจัดกระจายออกเป็น 7 ขั้นตอน  สรุปได้ดังนี้
            ขั้นตอนที่ 1  การหาตัวแปรที่มีอิทธิพลในการกระจัดกระจาย ได้แก่  การจำแนกปัจจัยด้านภูมิศาสตร์ที่เป็นเครื่องกำหนดขอบเขตการเติบโตและการกระจัดกระจาย  และการจำแนกประเภทของปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการกระจัดกระจายซึ่งต้องกำหนดเป้าหมายในการฟื้นฟูสภาพซึ่งได้แก่  ทางด่วน ถนนสายหลัก ถนนสายรอง ถนนซอย และถนนภายในโครงการแบบ cal-de-sac ทั้งนี้  ปัจจัยที่ควรพิจารณาได้แก่ ลักษณะของโครงข่าย การเชื่อมต่อกับย่านการใช้ประโยชน์ที่ดิน  สภาพการใช้ประโยชน์  โอกาสในการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับระบบขนส่งมวลชนและการขนส่งสีเขียว ฯลฯ

ขั้นตอนที่ 1 การจำแนกปัจจัยด้านโครงข่ายคมนาคม
ที่มา : Galina Tachieva, Sprawl Repair Manual, 2010

            ขั้นตอนที่ 2  การกำหนดประเภทและพื้นที่ต้องสงวนรักษา  เป็นการสำรวจและจำแนกขอบเขตประเภทที่ดินและโครงสร้างพื้นฐานทางธรรมชาติที่ต้องทำการสงวนรักษา (Preservation) ได้แก่ พื้นที่ธรรรมชาติ  พื้นที่ต้นน้ำและแหล่งน้ำขนาดใหญ่  พื้นที่ชุ่มน้ำ ที่โล่งทั้งเพื่อการอนุรักษ์และการเก็บสำรองน้ำ  พื้นที่ประเภทนี้ห้ามดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทำลายสภาพความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ  และพื้นที่ต้องดูแลรักษา (Reservation) ได้แก่ พื้นที่การเกษตร  โครงข่ายระบบการระบายน้ำ พื้นที่สีเขียวที่งดงามตามธรรชาติ  พื้นที่เหล่านี้ต้องปรับปรุงฟื้นฟูให้มีความสมบูรณ์และมีศักยภาพในการสร้างเสริมเศรษฐกิจชุมชน
            ขั้นตอนที่ 3  การลำดับความสำคัญของย่านพาณิชยกรรมและแหล่งงานที่ต้องปรับปรุงฟื้นฟู  ได้แก่  การจำแนกประเภท ที่ตั้ง และรัศมีการให้บริการของแหล่งพาณิชยกรรมระดับต่างๆ พร้อมจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังในการปรับปรุงฟื้นฟู เช่น  ร้านสะดวกซื้อ  กลุ่มร้านค้าปลีก  ย่านพาณิชยกรรม  ศูนย์พาณิชยกรรมระดับย่าน  ศูนย์พาณิชยกรรมระดับภาค กลุ่มที่ตั้งของแหล่งงาน ฯลฯ  ในการจำแนกต้องศึกษาลงลึกประเภทและขนาดของกิจการ  รัศมีการให้บริการ (ทั้งระยะการเดินถึงหรือ walk score และการให้บริการในระยะกระจัดกระจาย)

ภาพการจำแนกรัศมีการให้บริการของแต่ละหน่วยบริการพาณิชยกรรม
ที่มา : Galina Tachieva, Sprawl Repair Manual, 2010

            ขั้นตอนที่ 4  การกำหนดพื้นที่ให้บริการของระบบขนส่งมวลชนและโครงสร้างพื้นฐาน  ได้แก่  การวิเคราะห์การให้บริการของระบบขนส่งมวลชนได้แก่  รถบัสขนส่งมวลชน  รถไฟฟ้า streetcar  รถไฟฟ้ารางเบา  และรถไฟประเภทต่างๆ โดยใช้ที่ตั้งของสถานีขนส่งเป็นจุดกำหนดรัศมีการเดินถึง  สำหรับโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ให้ใช้รัศมีบริการจากสองข้างทางที่เส้นสายโครงข่ายพาดผ่าน

ภาพการกำหนดรัศมีบริการของระบบขนส่งมวลชนด้วยระยะการเดินถึง
ที่มา : Galina Tachieva, Sprawl Repair Manual, 2010

            ขั้นตอนที่ 5  กำหนดเป้าหมายพื้นที่ต้องปรับปรุงฟื้นฟู   กำหนดพื้นที่พาณิชยกรรมที่ควรได้รับการปรับปรุงฟื้นฟูด้วยการกำหนดที่ตั้งของย่านพาณิชยกรรมประเภทต่างๆ พร้อมรัศมีบริการ  โดยแบ่งพื้นที่พาณิชยกรรมออกเป็น 3 กลุ่มประกอบด้วย  ศูนย์พาณิชยกรรมชุมชน ศูนย์พาณิชยกรรมเมือง  และศูนย์พาณิชยกรรมระดับภาค  ทั้งนี้ให้ซ้อนทับที่ตั้งของแหล่งงานลงไปด้วย

ภาพแสดงการกำหนดที่ตั้งพื้ที่ปรับปรุงฟื้นฟู
ที่มา : Galina Tachieva, Sprawl Repair Manual, 2010
           
           ขั้นตอนที่ 6  การเปลี่ยนย้ายพื้นที่พัฒนาออกจากพื้นที่สงวนรักษา  ได้แก่  การใช้กลยุทธ์ The Transfer of Development Right (TDR) ในการออกข้อบัญญัติของท้องถิ่นเพื่อแลกเปลี่ยนพื้นที่สงวนรักษาและพัฒนา  เนื่องจากกลยุทธ์ TRD มีความใกล้เคียงกับการจัดรูปที่ดินซึ่งมีปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการมากในประเทศไทย ดังนั้น ในทางปฏิบัติจึงควรใช้การเวนคืนหรือจัดซื้อที่ดินที่รัฐต้องสงวนรักษาแทนการใช้ TRD

            ขั้นตอนที่ 7  การสรุปพื้นที่ปรับปรุงฟื้นฟู ได้แก่  การซ้อนทับพื้นที่ตามขั้นตอนที่ 2, 3, 4 และ 5  พร้อมกำหนดขอบข่ายพื้นที่อนุญาตให้พัฒนาและพักอาศัย  โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น  ศูนย์พาณิชยกรรมชุมชน  ศูนย์พาณิชยกรรมเมือง  และศูนย์พาณิชยกรรมระดับภาค ที่ตั้งของแหล่งพาณิชยกรรม ที่ตั้งแหล่งงาน  และพื้นที่ยังอยู่ในภาวะกระจัดกระจาย

แผนที่กำหนดพื้นที่ปรับปรุงฟื้นฟู
ที่มา : Galina Tachieva, Sprawl Repair Manual, 2010

สรุป
            บทความได้แสดงให้เห็นลักษณะสำคัญของพื้นที่สองประเภทได้แก่ พื้นที่เมืองที่สมบูรณ์กับพื้นที่เมืองที่กระจัดกระจาย จะเห็นได้ว่า  มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการปรับปรุงฟื้นฟูพื้นที่ที่เติบโตตามธรรมชาติและกระจัดกระจายให้มีสภาพเป็นชุมชนที่กระชับ ทั้งนี้เพื่อความคุ้มค่าในการใช้ประโยชน์ที่ดิน  การประหยัดการใช้ทรัพยากร  การลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง การลดภวะโลกร้อน และการสร้างสรรค์ชุมชนแห่งการเดินซึ่งจัดเป็นชุมชนแห่งความยั่งยืน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น