วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

มารู้จักโอลิมปิคกัน

ก่อนหน้าคริสตกาลกว่า 1,000 ปี การแข่งขันกีฬาได้ดำเนินการกันบนยอดเขา โอลิมปัส ในประเทศกรีซ โดยนักกีฬาจะต้องเปลือยกายเข้าแข่งขัน เพื่อประกวดความสมส่วนของร่างกาย และยังมีการต่อสู้บางประเภท เช่น กีฬาจำพวกมวยปล้ำ เพื่อพิสูจน์ความแข็งแรง ผู้ชมมีแต่เพียงผู้ชาย ห้ามผู้หญิงเข้าชม ดังนั้นผู้ชมจะต้องปีนขึ้นไปบนยอดเขา ครั้นต่อมามีผู้นิยมมากขึ้น สถานที่บนยอดเขาจึงคับแคบเกินไป ไม่เพียงพอที่จุทั้งผู้เล่นและผู้ชมได้ทั้งหมด ปิแอร์ เดอ แหรดี้ ซึ้งเป็นบารอนแห่ง คูเบอร์แตง เป็นผู้ก่อกำเนิดโอลิมปิกยุคใหม ่เขาถือกำเนิด ในตระกูลร่ำรวย เป็นตระกูล ขุนนางของฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1863 ด้วยความเป็นนักกีฬา เขามี ความเชื่อว่ากีฬา เป็นพลังอำนาจ ใน การ เพิ่มพูนความเป็น มนุษย์และส่งเสริมสันติภาพ ระหว่าง ทุกประเทศทั่วโลก ภายหลังจากเดินทาง กลับจากไปเยือน อังกฤษและอเมริกา เขาได้ เสนอแผน งานรื้อฟื้น การแข่งขันโอลิมปิกกลับมาอีกครั้งหนึ่ง และในปี ค.ศ. 1894 ผู้แทน จากชาติต่างๆ ที่มา ประชุมที่ปารีส ก็ได้มีมติร่วมกันที่จะจัด การแข่งขันขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โดยเริ่มแข่งขันครั้งแรกที่ กรุงเอเธนส์ ในปี 1896

 ประวัติกีฬาโอลิมปิคในยุคโบราณ

        กีฬาโอลิมปิคในยุคโบราณ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางศาสนา และวัฒนธรรม ของกรีก ซึ่งต่อมาก็พัฒนา มา เป็น การแข่งขันโอลิมปิกยุคปัจจุบัน การแข่งขันครั้งแรกของยุคโบราณเกิด ขึ้นเมื่อ 776 ปีก่อนคริสต์กาล เพื่อวัตถุประสงค ์ใน การบูชาเทพเจ้า โดยกำหนดให้มีขึ้นทุก 4 ปี ในยุคโปราณ โอลิมปิคถือเป็นเกมอันศักดิ์สิทธิ์ที่นักกีฬาทุกคนจะ ต้องเข้า ร่วม การแข่งขันที่ โอลิมเปีย การแข่งขันกีฬาโอลิมปิคในปัจจุบัน การแข่งขันใช้ระยะเวลายาวนานมาก ประกอบไป ด้วย การแข่งขัน ว่ายน้ำ วิ่ง มวยปล้ำ มวย ปัญจกีฬา และการแข่งขันรถม้า เป็นต้น โดยนักกีฬาคนแรก ที่ได้รับการชัยชนะ คือ คโรอิโบส โอลิมปิคยุคโปราณเป็นการแข่งขันที่เปิดโอกาศเฉพาะ นักกีฬาชายเท่านั้นและห้ามผู้หญิงเข้าแข่งหรือชม การแข่งขัน หลังจากการแข่งขันในรูปแบบของ กีฬาโอลิมปิคยุคใหม่ หรือเมื่อ 104 ปีที่ผ่านมานี่เอง

ภาพ:Detail95_20070414082358.jpg

 จำนวนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคจากอดีตถึงปัจจุบัน

  • ครั้งที่ 1 ในปี 1869 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ
  • ครั้งที่ 2 ในปี 1900 ที่ปรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
  • ครั้งที่ 3 ในปี 1904 ที่เมืองเซนต์หลุยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • ครั้งที่ 4 ในปี 1908 ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
  • ครั้งที่ 5 ในปี 1912 ที่สตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน
  • ครั้งที่ 6 ในปี 1916 ที่เบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน
  • ครั้งที่ 7 ในปี 1930 ที่อันท์เวิร์ป ประเทศเบลเยี่ยม
  • ครั้งที่ 8 ในปี 1924 ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
  • ครั้งที่ 9 ในปี 1928 ที่อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
  • ครั้งที่ 10 ในปี 1932 ที่ลอสแอนเจลีส ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • ครั้งที่ 11 ในปี 1940 ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
  • ครั้งที่ 13 ในปี 1944 ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
  • ครั้งที่ 15 ในปี 1952 ที่แฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์
  • ครั้งที่ 16 ในปี 1956 ที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
  • ครั้งที่ 17 ในปี 1960 ที่โรม ประเทศอิตาลี
  • ครั้งที่ 18 ในปี 1964 ที่โตเกียว ประเทศญี่ปี่น
  • ครั้งที่ 19 ในปี 1968 ที่แม็กซิโก ซิตี้ ประเทศเม็กซิโก
  • ครั้งที่ 20 ในปี 1972 ที่มิวนิค ประเทศเยอมันตะวันตก
  • ครั้งที่ 21 ในปี 1976 ที่มอนทรีล ประเทศแคนนาดา
  • ครั้งที่ 22 ในปี 1980 ที่มอสโก ประเทศสหภาพโซเวีต
  • ครั้งที่ 23 ในปี 1984 ที่ลอสแอนเจลีส ประเทศสหรนัฐอเมริกา
  • ครั้งที่ 24 ในปี 1988 ที่โซล ประเทศเกาหลีใต้
  • ครั้งที่ 25 ในปี 1992 ที่บาร์เซโลน่า ประเทศสเปน
  • ครั้งที่ 26 ในปี 1996 ที่แอตแลนต้า ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • ครั้งที่ 27 ในปี 2000 ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย

 ที่มาของคำว่า Olympiads

ภาพ:Chinaolympics.jpg

        คำว่า Olympiads หมายถึงช่วงเวลา 4 ปี นับจากเวลาที่เริ่มต้อนจัดแงขันโอลิมปิดครั้งแรกไปถึง การ แข่งขันครั้งที่สอง โดย แต่ละ ปีจะมีตัวเลขโรมันคอยกำกับอยู่เสมอแต่ในปีที่การแข่งขันถูก ยกเลิกไป แต่ตัวเลขโรมันยังคงต้องกำกับอยู่เสมอ เช่นปี ค.ศ. 1916 ซึ่งเป็นช่วยสงครามโลก ครั้งที่ แต่ช่วงเวลา ระหว่างปี 1912-1916 ยังเรียกว่าเป็นปี VI Olympiads ของยุค ใหม่อยู่ดี แต่ คำว่าโอลิมเปียนี้ ใช้ไม่ได้ กับการแข่งขันโอลิมปิคฤดูหนาว

 สัญลักษณ์โอลิมปิค

        สัญลักษณ์กีฬาโอลิมปิค เป็นรูปวงกลม 5 ห่วงคล้องกันอยู่ 2 ชั้น ชั้นบนมีอยู่ 3 ห่วง ชั้นล่าง 2 ห่วง ประกอบ ด้วยสีของ ห่วง 5 สี ด้วยกันคือ สีน้ำเงิน เสีเหลือง สีดำ เสีเขียวและสีแดง ตั้งอยู่บนพื้นขาว ผู้ออกแบบสัญลักษณ์นี้ก็คือ คูเบอร์- แตง "บิดาแห่ง กีฬาโอลิมปิค" โดยอธิบายว่า ห่วงทั้ง 5 หมายถึง 5 ทวีปที่มาร่วม การแข่งขัน ส่วนสีทั้ง 5 หมายถึงสี ของ ธงชาติที่อย่างน้อยที่สุด ธงชาติแต่ละประเทศก็ต้องมีสีใดสีหนึ่งใน 5 สีเหล่านี้

 ธงโอลิมปิค

        ธงโอลิมปิคเป็นธงสีขาว ที่มีสัญลักษณ์ 5 ห่วงอยู่ตรงกลาง ธงผืนแรกผลิตขึ้นจากร้าน บอนมาร์เชอร์ ซึ่งตั้ง อยู่ที่กรุงปารีส มีความยาว 3 เมตร และกว้าง 2 เมตร ถูกชักขึ้นยอดเสาครั้ง แรก ในการแข่งขั้นปี 1920 ที่เบลเยี่ยมเป็นเจ้าภาพ

 ตราโอลิมปิค

        เครื่องหมายที่นำเอาสัญลักษณ์ของโอลิมปิค คือ รูป 5 ห่วง ไปประกอบสัญลักษณ์อื่นๆ ซึ่งแล้วแต่เจ้าภาพ จะกำหนดขึ้นมา เช่น เหรียญ เป็นต้น

 เพลงโอลิมปิค

        เพลงโอลิมปิค ประพันธ์ทำนองโดย Spiros Samaras และประพันธ์คำร้องโดย Cosstis Palamas ทั้งคู่เป็น ชาว กรีก แต่งขึ้นมาปี 1896 ใช้ครั้งแรกที่ กรุงเอเธนส์ และ ได้รับรองเป็น เพลงประจำการแข่งขัน โอลิมปิคในปี 1958

ภาพ:Olympic_torch.jpg.jpg

 ไฟโอลิมปิค

        สัญลักษณ์ที่สำคัญที่สุดของการแข่งขั้นคือ ไฟโอลิมปิค โดยในยุคโบราณทำเพื่อ บูชา เทพธิดา เฮรา แต่ในโอลิมปิกยุคใหม่ ไปโอลิมปิกมีขึ้นในปี 1928 ที่อัมสเตอร์ดัม พิธีการจุด ไฟ โอลิมปิค มีขึ้นครั้งแรก ในปี 1936 และมีการวิ่งคบเลิงด้วย โดยใช้นักวิ่ง 3000 คนรับไฟต่อจาก การจุด ครั้งแรกที่กรีซ

 เหรียญรางวัล

        เหรียญรางวัล เป็นสิ่งสำคัญ สิ่งสุดท้ายที่นักกีฬาจะได้รับ หลังจากประสบความ สำเร็จใน การแข่งขัน โดยมอบให้กับ นักกีฬาชนะอันดับ 1-3 ของการแข่งขันแต่ละชนิดกีฬา โดยเหรียญทอง และเหรียญเงินทำด้วยเงินบริสุทธิ์ และฝังทองคำไว้ตรงกลาง โดยด้านหน้าของเหรียญโอลิมปิคทุกครั้งจะเป็น รูปเทพธิดาเฮรานิก บนแบล็คกราวน์สนามกีฬาเอเธนส์ ส่วนอีกด้านหนึ่ง แล้ว แต่เจ้าภาพจะออกแบบกันเอง

 ตัวนำโชค

        ตัวนำโชค หรือที่เรียกว่า mascot เป็นสัญลักษณ์ หนึ่งของการแข่งขันโอลิมปิค เริ่มต้นมีใช้ในการแข่งขัน ปี 1932 มีชื่อว่า smoky เป็นตัวนำโชคของหมู่บ้านนักกีฬาที่ลอสแอนเจลีส ทั้งหมดก็คือ ประวัติ ความเป็นมา หรือเป็นตำนานของโอลิมปิกอันเก่าแก่ที่ผ่านมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น