พื้นที่การตายของพื้นน้ำนั้นมีหลายขนาด ตั้งแต่ไม่กี่ตารางเมตร กว้างไปจนถึง 6,000 – 7,000 ตารางไมล์
ดูอย่างผิวเผิน “สาหร่าย” (Algae) คงจะเป็นแพะรับบาปจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจาก “ความตาย” ของอ่าวเม็กซิโก ที่กำลังจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้นั้น เกิดจากการที่สาหร่ายปกคลุมพื้นน้ำทะเลและทำให้พื้นน้ำบริเวณนั้นไม่ได้รับและสัมผัสออกซิเจนอย่างเพียงพอ เป็นสาเหตุให้สัตว์น้ำ สิ่งมีชีวิต เช่น ปู กุ้ง ปลา ในบริเวณนั้นต้องอพยพและบางส่วนที่เคลื่อนไหวออกจากบริเวณได้ช้า เช่น สัตว์เซลล์เดียว หอย ฯลฯ ต้องล้มตายลง
แต่สาเหตุที่ทำให้สาหร่ายในบริเวณอ่าวเม็กซิโก เจริญเติบโตมากเกินกว่าสภาพปกตินั้น กลับมาจากภาคกสิกรรมจากบริเวณเหนือแม่น้ำมิสซิสซิปปี (Mississippi) ที่หันมาเพาะปลูกข้าวโพดเพื่อป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมกรผลิตเอทานอล ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบันเพื่อลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ
เมื่อฝนตก ปุ๋ยและเคมีภัณฑ์การเกษตร โดยเฉพาะไนโตรเจนและฟอสฟอรัส ที่เหลือใช้ก็จะถูกชะล้างและพัดพามารวมกันที่บริเวณปากอ่าว ทำให้สาหร่ายเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์จากปุ๋ยและเคมีภัณฑ์การเกษตรของเหลือที่มีอย่างมากมาย (Nutrient overloading) เหล่านั้น ทำให้มันมีการแพร่กระจายและขยายพันธุ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและหนาทึบ เมื่อมันตายลง หรือถูกกินโดยแพลงตอนสัตว์ (Zooplankton) มันก็จะจมลงสู่ก้นทะเล เกิดการเน่าเปื่อยในน้ำลึกโดยแบคทีเรีย และกระบวนย่อยสลายนี่เองก็เป็นตัวดูดออกซิเจนที่มีอยู่น้อยอยู่แล้วมาช่วยในการทำปฏิกิริยา ซึ่งทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำบริเวณนั้นลดน้อยลงไปอีก

ภาพแสดงการแยกส่วนของน้ำจืด (ที่มีออกซิเจน) และน้ำเค็มส่วนล่าง (ที่ขาดออกซิเจน)
ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ เมื่อผ่านพ้นฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ หิมะที่อยู่บนพื้นดินก็เริ่มละลายและน้ำจืดไหลลงสู่ทะเล โดยน้ำจืดที่ไหลมาใหม่นั้นจะไม่ผสมกับน้ำเค็มที่มีอยู่ก่อน แต่กลับแยกส่วนอยู่ด้านบนผิวน้ำ ทำให้โอกาสที่น้ำทะเลส่วนล่างจะได้รับออกซิเจนหมดลงไป ในขณะที่สาหร่าย ที่ยังมีชีวิตผลิตออกซิเจนจากกระบวนการสังเคราะห์แสง แต่แบคทีเรียที่ย่อยสลายสาหร่ายส่วนที่ตายก็นำเอาออกซิเจนมาช่วยการย่อยสลายเช่นเดียวกัน

ภาพแสดงผิวน้ำที่เป็น Dead Zone

ภาพแสดงผิวน้ำที่เป็น Dead Zone
นักนิเวศวิทยาเรียก พื้นที่ท้องน้ำหรืออ่าวที่เกิดปรากฏการณ์ในลักษณะนี้ว่า “Dead Zone” หรือ “Hypoxia” ซึ่ง หมายถึง การที่มีออกซิเจนอยู่น้อย โดยทั่วไปแล้วออกซิเจนน้อยกว่า 2 ส่วนเมื่อเทียบกับน้ำ 1 ล้านส่วน (2ppm) หรือไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตของสัตว์น้ำ และไม่สามารถเป็นที่อยู่อาศัย (Habitat) ได้อีกต่อไป กระบวนทั้งหมดที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันนี้เรียก “eutrophication”
ในปีที่ผ่านมา นักนิเวศวิทยาพบว่า Dead Zone ในอ่าวเม็กซิโกนั้นขยายใหญ่เป็นอันดับที่ 3 เมื่อเทียบกับข้อมูลที่มีการเก็บตั้งแต่ช่วงปี 1980 เป็นต้นมา
เมื่อสิ่งมีชีวิตในท้องน้ำล้มตายลงและอพยพหลบหนี ผลกระทบในระดับต่อไป ก็คือ อาชีพประมงและอุตสาหกรรมอาหารทะเลในท้องที่ ซึ่งที่ผ่านมา อาหารทะเลที่ใช้เลี้ยงคนอเมริกันนั้น 72% มาจากอ่าวเม็กซิโก

ภาพแสดงบริเวณที่เกิด และคาดว่าจะเกิด Dead Zone
การตายของทะเลมิได้เกิดอยู่เฉพาะที่อ่าวเม็กซิโกเท่านั้น แต่เกิดขึ้นในหลายๆปากแม่น้ำทั่วโลก เช่น ทะเลบอลติก (Baltic Sea) ในยุโรป ทะเลดำ (Black Sea)ซึ่งเป็น Dead Zone ที่ใหญ่ที่สุดที่โลก ชายฝั่งโอรากอน (อเมริกา) อ่าวเช็คสปีค (Chesapeake Bay) ทะเลสาบอีรี (Lake Erie) ปากแม่น้ำ Pearl River (จีน) เป็นต้น ส่วนปากแม่น้ำแยงซีนั้น ปัจจุบันยังไม่ถูกจัดเป็น Dead Zone แต่มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็น Dead Zone ในนาคต