-มีลักษณะโครงสร้างที่คล้ายกับโครงสร้างแบบลำดับชั้น แต่แตกต่างกันที่ข้อมูลมีความสัมพันธ์ได้ทั้งแบบ one-to-one , one-to-many และmany-to-many
-มีการจัดเก็บข้อมูลในโครงสร้างแบบกราฟ
-ตัวอย่าง DBMS ได้แก่ IDMS
-การจัดเก็บข้อมูลในการสั่งซื้อสินค้า บันทึกข้อมูลในรูปแบบกราฟ
ข้อดี แบบจำลองข้อมูลเครือข่าย (Network Database Model)1. สนับสนุนความสัมพันธ์แบบ many-to-many
2. ความซับซ้อนในข้อมูลเกิดขึ้นน้อยกว่าแบบลำดับชั้น
3. สามารถเชื่อมโยงข้อมูลแบบไปกลับได้
4. มีความยืดหยุ่นในการค้นหาข้อมูลดีกว่า โดยใช้ Pointer ในการเข้าถึงข้อมูล
ข้อจำกัด แบบจำลองข้อมูลเครือข่าย (Network Database Model)1. เนื่องจากสามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยตรง ทำให้การป้องกันความปลอดภัยของข้อมูลมีน้อยลง
2. สิ้นเปลืองเนื้อที่ของหน่วยความจำในการเก็บ Pointer
3. การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างยังมีความยุ่งยากอยู่

3. แบบจำลองข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relation Database Model)
-เป็นแบบที่คนใช้มากที่สุดในปัจจุบัน
-เป็นผลงานของ E.F.Codd (ค.ศ. 1970)
-นำเสนอข้อมูลในรูปแบบตาราง ทำให้สามารถเข้าใจได้ง่าย ประกอบด้วย Row และ Column สามารถแสดงความสัมพันธ์ได้ทั้งแบบ one-to-one , one-to-many และ many-to-many และใช้ Key ในการอ้างอิงกับตารางอื่น (Primary key , Secondary Key)
-สามารถใช้คำสั่ง SQLในการจัดการกับฐานข้อมูลชนิดนี้
ข้อดี แบบจำลองข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relation Database Model)
1. สามารถสื่อสารและเข้าใจได้ง่าย
2. สามารถเลือกแสดงข้อมูลตามเงื่อนไขได้หลาย Key Field
3. ความซับซ้อนของข้อมูลมีน้อยมาก
4. มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีผู้ใช้งานไม่ต้องทราบโครงสร้างของการเก็บข้อมูลภายในฐานข้อมูล
5. โครงสร้างของฐานข้อมูลมีความอิสระจากโปรแกรม
ข้อจำกัด แบบจำลองข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relation Database Model)
1.ต้องมีการลงทุนสูงเนื่องจากต้องใช้ Hardware และ Software ที่มีความสามารถสูง
2.ไม่เหมาะสำหรับข้อมูลภาพและเสียง ในระบบฐานข้อมูลมัลติมีเดีย, hypertext

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น