การกระจายมีอยู่2ลักษณะ การกระจายแบบสุ่ม และ การกระจายที่มีรูปแบบแน่นอน เช่น เป็นแนวยาว การกระจายสม่ำเสมอ การเกาะกลุ่ม เป็นต้น สิ่งต่างๆมีการกระจายไปตามอิทธิพลขององค์ประกอบของพื้นที่เช่นเดียวกัน กิจกรรมในพื้นที่แต่ละชนิดมีการกระจายเป็นรูปแบบอย่างใดอย่างหนึ่งสม่ำเสมอ

2. Spatial Differentiation ความแตกต่างในเชิงพื้นที่
ปรากฎการณ์ในพื้นที่จะแตกต่างกันไปตามปัจจัยแวดล้อมของพื้นที่ ความแตกต่างอาจมีสาเหตุจากการสังสรรค์ของธรรมชาติ เช่น ภูมิประเทศที่มีหินฐานต่างกัน จะมีรูปร่างและสัณฐานต่างกัน เช่น หินทรายก่อให้เกิดภูมิประเทศคล้ายโต๊ะ เป็นที่ราบภูเขายอดป้าน หินปูนก่อให้เกิดภูมิประเทศหลุมยุบ แผ่นดินทรุดตัว ถ้ำ ภูมิประเทศต่างกันก่อให้เกิดปรากฏการณ์ต่างกัน เช่น มีหิมะปกคลุม พื้นที่เนินทราย หรือป่าดิบชื้นเป็นต้น

3 การแพร่กระจายทางพื้นที่ (spatial diffusion) คือ การที่นวัตกรรมแพร่กระจายจากจุดกำเนิดไปยังบริเวณอื่นๆ สามารถศึกษาประเภท เส้นทาง และสร้างแบบจำลองกระบวนการแพร่กระจาย เช่นการกระจายตัวของบ้านเรือนตามเส้นทางน้ำหรือการตามเส้นทางคมนาคมที่สะดวกรวดเร็ว

4.Spatial interation ปฏิสัมพันธ์
ปฏิสัมพันธ์ หมายถึง การติดต่อกันระหว่างสองพื้นที่ เช่นความแตกต่างของพื้นที่ทำให้มนุษย์จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนทรัพยากรแตกต่างกัน ความจำเป็นนี้ทำให้เกิดการติดต่อสัมพันธ์กัน ก่อให้เกิดกิจกรรมระหว่างและก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรม ภุมิสัมพันธ์ระหว่างสองพื้นที่จะมีมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆเช่น อัตราความแตกต่างระหว่างสองพื้นที่ ความฝืด หรือความลื่นของการเดินทาง และคุณค่าทางจิตใจ

5. Spatio-Temporal คือ ข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันเชิงพื้นที่(Spatial data)และเชิงเวลา(Time series) เมื่อนำข้อมูลทั้งมาอย่างมาจัดเก็บและใช้ร่วมกันจะทำเห็นเราสามารถเห็นได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เราสนใจ ในบริเวณพื้นที่ หรือจุด ๆ หนึ่งที่เราสนใจ เช่น เมื่อมีการเพิ่มขึ้นของประชากรในพื้นที่หนึ่งย่อมทำให้พื้นที่นั้นได้รับการเปลี่ยนแปลงไปเพื่อสมารถตอบสนองต่อความต้องการของการใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น