จากภาคตะวันออกที่ จ.ระยอง เรามาขึ้นเหนือกัน โดยจะมาวิเคราะห์ศักยภาพและการเติบโตของหัวเมืองหลักอย่าง "เชียงใหม่" ที่ได้วางวิสัยทัศน์ในอีก 4 ปีข้างหน้าว่าจะเป็น "นครแห่งชีวิตและความมั่งคั่ง" และต้องยอมรับนะครับว่ากรุงเทพฯ เรามีอะไร (ไม่นับรถติดนะครับ) ที่เชียงใหม่ก็เห็นได้ครบ
เชียงใหม่ในวันนี้ นับได้ว่าเป็นเมืองหลวงของภาคเหนือ ด้วยจำนวนประชากรกว่า 1.7 ล้านคน (อันดับ 5 ของประเทศ และยังไม่นับรวมผู้ที่มาทำงานในจังหวัด) เป็นเมืองเศรษฐกิจอันดับ 2 ของประเทศ แต่เป็นอันดับ 1 ของภาค
ชาวเชียงใหม่มีรายได้ประชากรเฉลี่ยต่อหัวอยู่ที่ 79,971 บาทต่อคนต่อปี และในปี 2555 ผลิตภัณฑ์มวลรวมของเชียงใหม่ (GPP) ขยายตัว 3.8 % หรือประมาณ 143,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่มีการเติบโตอยู่ที่ 2.8% หรือประมาณ 138,000 ล้านบาท โดยมีกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงจาก 5 จังหวัดใกล้เคียง (เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง และตาก) นิยมมาจับจ่ายใช้สอยที่เชียงใหม่กันมาก
มีนักท่องเที่ยวหมุนเวียนมาเยือนจากทั่วโลกเฉลี่ยมากกว่า 5 ล้านคนต่อปี ติดอันดับต้นๆ ของโลก และมีกลุ่มต่างชาติที่พำนักอาศัยในเมืองไทย (expat) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเป็นแหล่งพำนักระยะยาว (Long Stay) ของชาวญี่ปุ่น ปัจจุบันมีอยู่กว่า 3,000 คน มีการใช้จ่ายไม่ต่ำกว่าปีละ 3-4 แสนบาทต่อคน
โดยล่าสุด เว็บไซต์ลีฟ แอนด์ อินเวสต์ โอเวอร์ซีส์ (Live and Invest Overseas) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านการอยู่อาศัยและลงทุนในต่างแดน เปิดเผยผลการจัดอันดับสถานที่ๆ เหมาะแก่การใช้ชีวิตหลังเกษียณ 21 แห่งในโลก (First Annual Retire Overseas Index) ระบุว่า เชียงใหม่ และหัวหิน ติดอันดับอยู่ใน 21 สถานที่ซึ่งได้รับการคัดเลือกด้วย โดยเชียงใหม่ถูกยกให้เป็นสถานที่ที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ ซึ่งสามารถอยู่อาศัยโดยมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 1,250 เหรียญสหรัฐ หรือราว 37,500 บาท และยังเป็นสถานที่ที่มีประกันสุขภาพและค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่ไม่สูงมากอีกด้วย
เชียงใหม่ยังถูกยกระดับให้เป็นไมซ์ซิตี้ โดยมีศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา รวมถึงเป็นฮับทางสุขภาพจากการเป็นศูนย์รวมของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ของภาครัฐและเอกชน มีสายการบินเปิดบินตรงจากเมืองต่างๆ ของจีน
นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางการศึกษาในภูมิภาคด้วยมหาวิทยาลัย 14 แห่ง ซึ่งรายได้ 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในเชียงใหม่ มาจากภาคการศึกษา รวมถึงความเป็นเกตเวย์ของเชียงใหม่ที่เชื่อมโยงไปประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน และการผลักดันโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ล้วนส่งเสริมให้กำลังซื้อมีแนวโน้มเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง
ปรากฏการณ์สำคัญอีกประการหนึ่งคือ กลุ่มทุนต่างๆ ได้ประกาศลงทุนสร้างศูนย์การค้า ชอปปิงเซ็นเตอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ และคอมมูนิตี้มอลล์ โดยคาดว่าจะมีมูลค่าเงินลงทุนรวมกันราว 15,000 ล้านบาท ส่วนธุรกิจดั่งเดิมก็เริ่มปรับตัวหันมารีโนเวตกิจการเพื่อให้สามารถแข่งขันได้
ด้วยศักยภาพของเมืองเชียงใหม่ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเชียงใหม่เติบโตอย่างเห็นได้ชัด โดยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ได้ขยายการลงทุนมาในพื้นที่แห่งนี้เป็นจำนวนมาก โดยเริ่มคึกคักมาตั้งแต่ปี 2554 และมีแนวโน้มเร่งตัวต่อเนื่องในช่วงปี 2555-2556 เห็นได้จากข้อมูลของ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ที่ระบุว่า ปัจจุบันเชียงใหม่มีที่อยู่อาศัยระหว่างการขายทั้งสิ้น 149 โครงการ ประมาณ 19,800 หน่วย
สำหรับเทรนด์ที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือคอนโดมิเนียม มีทั้งสิ้น 44 โครงการ จำนวน 6,100 หน่วย ส่วนมากจะเปิดขายในช่วงปี 2554 และต่อเนื่องถึงปีนี้ และมีโครงการที่เปิดขายใหม่ในช่วงตุลาคม 2555 - กุมภาพันธ์ 2566 จำนวนมากถึง 19 โครงการ ประมาณ 3,000 หน่วย มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท และสามารถขายได้แล้วประมาณ 72% โดยมีอัตราการดูดซับดีมากประมาณ 19.6% ต่อเดือน โดยแนวโน้มความต้องการที่พัก ทั้งแบบเช่า และซื้อ จะมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากภาพรวมทางเศรษฐกิจของเชียงใหม่ที่ขยายตัวในทุกๆ ด้าน
ซึ่งทั้งหมดนี้คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับ "เชียงใหม่" ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคเหนือ ตลอดจนได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 21 เมืองของโลก ที่เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับคนที่ต้องการใช้ชีวิตในวัยเกษียณครับ