วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2555

คำขู่โจรใต้ได้ผล นราฯ-ปัตตานีร้างสนิท

 
ชายแดนใต้เงียบเป็นเมืองร้าง เหตุชาวบ้านไม่มั่นใจการรักษาความปลอดภัยของ จนท. พร้อมติงตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปักหลักเฝ้า ไม่ใช่แค่โผล่ให้ผู้ใหญ่เห็นหน้าเสร็จ จากนั้นก็หายหัวหมด
วันนี้ (5 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่โจรใต้ประกาศขู่ให้พ่อค้าแม่ขายหยุดกิจการทุกวันศุกร์ มิฉะนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัยแก่ผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืน จนส่งผลทำให้ผู้ประกอบการร้านค้าต่าง ๆ ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ต้องปิดป้ายหยุดไปกว่า ร้อยละ 70  ทำให้ย่านธุรกิจที่สำคัญ ๆ ของแต่ละอำเภอต้องกลายสภาพเป็นเมืองร้างไปโดยปริยาย ถึงแม้จะมีตำรวจ ทหาร แบ่งกำลังเดินออกประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ผู้ประกอบการเกิดความมั่นใจแล้วก็ตาม ที่เป็นปัญหาสำคัญคือ รถตู้โดยสารที่วิ่งรับส่งประชาชนจากสถานีขนส่ง จ.นราธิวาส ถึงปลายทาง จ.ยะลา จ.ปัตตานี และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จำนวนกว่า 300 คัน ได้หยุดวิ่งรถในวันนี้ทั้งหมด


จากการสอบถาม นายสุวัฒน์ แซ่จู ประชาชนที่เดินทางมาใช้บริการ ทราบว่า เมื่อรถตู้ปิดให้บริการ ก็จำเป็นต้องซื้อตั๋วรถทัวร์สายกรุงเทพฯแทน เพื่อเดินทางไปทำธุระที่ จ.สงขลา แม้จะล่าช้ากว่ารถตู้ แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ต้องยอมรับและปรับสภาพให้ได้

ขณะเดียวกันที่ จ.ปัตตานี ผลกระทบจากการขู่ประกาศก็ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของชาวบ้านเช่นกัน โดยที่ บริเวณตลาดเทศวิวัฒน์ 1 ซึ่งเป็นตลาดสดเขตเทศบาลเมืองปัตตานี ที่ปกติจะมีพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อของกันจนแน่นตลาด ในวันนี้บรรยายเต็มไปด้วยความเงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด ทั้งตลาดเหลือสินค้าวางจำหน่ายเพียง 10 แผงเท่านั้น นอกจากนี้ภายในตัวเมืองก็มีสภาพไม่ต่างกัน ร้านค้าต่างๆหยุดกิจการทั้งหมด ตามเส้นทางสัญจรก็ไม่มีผู้คนออกมาเดิน เนื่องจากเกรงกลัวอิทธิพลของคำขู่
จากการสอบถามพ่อค้าแม่ค้าได้ความว่า เมื่อช่วงเช้ามีผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องเดินทางมาให้กำลังใจชาวบ้าน โดยมีตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง เฝ้าตรวจตราอย่างเข้มงวด แต่ปรากฏว่า พอผู้ใหญ่เดินทางกลับ เจ้าหน้าที่ก็หายไปหมด ทำให้ความรู้สึกหวาดระแวงเกิดขึ้นอีกครั้ง จนในที่สุดต้องเก็บข้าวของปิดร้าน เพื่อความปลอดภัย จึงอยากฝากจึงหน่วยงานความมั่นคงให้ดูแลชาวบ้านตาดำๆให้นานกว่านี้ ไม่ใช่เพียงแค่ให้ผู้ใหญ่ที่มาตรวจเห็นเท่านั้น

โผล่อีก!เด็ก'สูบกัญชา'โชว์เฟซบุ๊ก

ภาพจาก คมชัดลึก
ภาพจาก คมชัดลึก


โผล่อีกภาพเนตรนารี ม.ต้น โชว์สูบบ้องโชว์เฟซบุ๊ก "พงศพัศ" ขึ้นเหนือตามคืบหน้าภาพสอนเด็กสามขวบเสพยาบ้า เผยประสานไอซีทีแกะรอยมั่นใจไม่นานได้ตัวผู้ใหญ่ใจร้าย
              
5ต.ค.2555 ความคืบหน้าหลังภาพสอนเด็กหญิงวัย 3 ขวบ เสพยาบ้าถูกแชร์ว่อนเฟซบุ๊กสร้างความสลดใจให้กับผู้ที่พบเห็น ล่าสุดวันที่ 5 ต.ค.พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด  (ป.ป.ส.) เดินทางไปที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อสอบถามนายอดุลย์ สิงห์แก้ว เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยแม่โจ้ ผู้แชร์ภาพดังกล่าว พร้อมติดตามความคืบหน้าในการตามหาต้นตอผู้นำภาพสะเทือนใจดังกล่าวมาโพสต์ลงเฟซบุ๊ก 

 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากภาพผู้ใหญ่สอนเด็กสามขวบเสพยาเสพติดที่ตำรวจกำลังติดตามหาคนโพสต์ ล่าสุดยังพบภาพนักเรียนหญิงวัยรุ่นอายุประมาณ 13-15 ปี ในชุดเนตรนารีมีลายสักที่ขาขวากำลังนั่งสูบกัญชาจากบ้องกัญชาที่ดัดแปลงจากขวดชาเขียวยี่ห้อดัง ในภาพมีเพื่อนหญิงวัยเดียวกันอีกคนหนึ่งอยู่ใกล้ ๆ โดยภาพดังกล่าวถูกโพสต์เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "เรื่องนี้ถึงสรยุทธแน่" ซึ่งเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กรายเดียวกับที่โพสต์ภาพผู้ใหญ่สอนเด็กสามขวบเสพยาบ้า ล่าสุดชุดสืบสวนพบแล้วว่าผู้ใช้รายนี้อยู่ใน จ.สุโขทัย ซึ่งตำรวจได้เข้าสอบสวนเบื้องต้นแล้ว ขณะที่เจ้าตัวอ้างในเฟซบุ๊คว่าได้คุยกับตำรวจและให้ข้อมูลไปแล้ว  

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ภาพที่ปรากฏออกมาสร้างความรู้สึกสะท้อนใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านการปราบปรามยาเสพติดและผู้ที่ทำงานด้านการดูแลเด็กและเยาวชน ภาพที่เกิดขึ้นเห็นชัดเจนว่าเด็กอยู่ในอันตราย ซึ่งเป็นผลสะท้อนจากการแพร่รระบาดของยาเสพติด ขณะนี้ตำรวจภูธรภาค 5 กำลังตรวจสอบที่มาของภาพและดูว่าใคร เข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ได้ขอความร่วมมือจากตำรวจภูธรภาค  5 และ ปปส.ภาค  5 ร่วมมือกันอย่างเต็มที่ ต้องหาให้ได้ว่าภาพมาจากไหนและต้องหาตัวคนโพสต์มาให้ได้ เราต้องดูแลปกป้องเด็กและ เยาวชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของยาเสพติด

เลขาธิการป.ป.ส.กล่าวอีกว่า สำหรับนายอดุลย์ซึ่งเป็นผู้แชร์ภาพดังกล่าว จากการพูดคุยยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ต้องการสะท้อนให้สังคมได้ตระหนักถึงผลร้ายของยาเสพติด  ส่วนการสืบหาที่มาของภาพได้ประสานไปยังกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เบื้องต้นได้รับการยืนยันว่าภาพดังกล่าวไม่ใช่ภาพตัดต่อและยืนยันได้ในระดับหนึ่งว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงซึ่งหลังจากนี้ตำรวจภูธรภาค 5 จะเดินหน้าตรวจสอบและดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และ มั่นใจว่าจะใช้เวลาไม่นานในการสืบหาต้นตอภาพนี้

วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2555

โจรใต้ขู่ชาวไทยพุทธห้ามขายของวันศุกร์


โจรใต้เหิม บุกร้านค้าชาวไทยพุทธ ในเขตเทศบาลนครยะลา ข่มขู่ห้ามขายของวันศุกร์ เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวคนร้าย
จากกรณีที่มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ประกาศห้ามไม่ให้ชาวบ้านออกมาขายของ และออกไปทำงานในวันศุกร์ ซึ่งที่ผ่านมานั้น ยังมีชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เป็นพี่น้องชาวไทยพุทธ และพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน ยังคงมีการเปิดร้านขายของอย่างปกติ ทำให้เกิดความหวาดกลัว และความเป็นห่วงในความไม่ปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก

และในเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งจากพ่อค้ารายหนึ่งภายในเขตเทศบาลนครยะลา

ซึ่งเป็นคนไทยพุทธ ได้แจ้งว่า มีชายจำนวน 3 คน ซึ่งนั่งมาในรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนได้มาจอดรถที่หน้าร้านและ 1 ใน 3 ได้เดินเข้าไปในร้านพร้อมข่มขู่ไม่ให้ขายของในวันศุกร์ หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังจุดตรวจต่างๆ เพื่อหาตัว และติดตามกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อไป

ชาวบ้านหาดบางแสน แห่จับปูที่มากับขยะจำนวนมหาศาล

ขยะจำนวนมหาศาล ลอยติดชายหาดบางแสน ระยะทางยาวเหยียดกว่า 4.5 กม. เกิดปรากฏการณ์ปูจำนวนมากน็อคน้ำมาพร้อมขยะ ชาวบ้านแห่จับสนุกสนาน
วันนี้ ( 4 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าตรวจสอบบริเวณชายหาดบางแสน  ต.แสนสุข  อ.เมือง  จ.ชลบุรี 
หลังทราบว่าบริเวณชายหาดมีขยะจำนวนมหาศาลลอยติดชายหาด  เป็นระยะทางยาวกว่า 4.5 กิโลเมตร  โดยเศษขยะทั้งหมดประกอบด้วยผักตบชวา  ไม้ไผ่  ขยะพลาสติก  และขยะจำพวกที่ใช้ในครัวเรือน  นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่ทำให้ชาวบ้านตื่นตาตื่นใจกับเหตุการณ์ในครั้งนี้คือมีปูทะเล  ปูแป้น  ปูม้า  ปูแสม  จำนวนมากลอยมากับเศษขยะดังกล่าวด้วย  ส่งผลให้ชาวบ้านแห่นำกระป๋อง  และกะละมังมาจับปูกันเป็นจำนวนมาก
 

ด้านนางรัตนา  ชูกลิ่น  ผู้อำนวนการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม  เทศบาลเมืองแสนสุข  กล่าวว่า

  เหตุการณ์ขยะจำนวนมหาศาลที่ลอยมาติดชายหาดบางแสนนั้นมีสาเหตุมาจากการที่พื้นที่บริเวณสมุทรปราการ  และบางปะกง  ทำการขุดลอกคูคลองเพื่อระบายน้ำป้องกันน้ำท่วม  ส่งผลให้เศษขยะดังกล่าวลอยมาตามน้ำ  ประกอบกับพื้นที่บริเวณชายหาดบางแสนเป็นอ่าวที่รับน้ำจากแม่น้ำบางปะกง  น้ำที่ไหลเข้าทะเลบางแสนจึงพัดพาเอาขยะทั้งหมดมาด้วย  ซึ่งทางเทศบาลได้ทำการขอร้องพื้นที่ต้นน้ำให้งดทิ้งสิ่งปฏิกูลลงแม่น้ำไปหลายรอบแล้วแต่ก็ยังไม่ได้รับความร่วมมือ  และในส่วนของการเก็บกู้พื้นที่ให้ปลอดจากขยะนั้นคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในวันนี้  เพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของชายหาดบางแสน  และป้องกันขยะเน่าเสียส่งกลื่นเหม็น
 

ในส่วนของนายสงกรานต์  แสงจันทร์  ประมงจังหวัดชลบุรี  ได้ให้ความเห็นถึงการที่ปูจำนวนมากลอยขึ้นมาพร้อมขยะจำนวนมหาศาลว่า

สาเหตุเกิดมาจากการที่มีน้ำจืดปะปนกับน้ำเค็มในทะเลมากเกินไปจากการที่ฝนตกมากในช่วงนี้  และจากการระบายน้ำจืดลงทะเลเพื่อป้องกันน้ำท่วม  ส่งผลให้ปูและสัตว์ทะเลชนิดต่าง ๆ ลอยเหนือน้ำหรือที่ว่า "น๊อคน้ำ" และคาดการณ์ว่าหากทะเลบางแสนโดนผลกระทบของพายุเกมีที่จะเข้าไทยในวันที่ 5-8 ต.ค.นี้  จะมีสัตว์ทะเลอีกเป็นจำนวนมากลอยเหนือน้ำ  ซึ่งประชาชนสามารถจับไปปรุงอาหารรับประทานได้ตามปกติเนื่องจากเป็นสัตว์ที่เสียชีวิตจากการน๊อคน้ำไม่ได้โดนสารพิษที่เป็นอันตรายแต่อย่างใด

วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ปภ.เตือน30จังหวัดเสี่ยงเตรียมรับมือพายุ

ปภ.เตือน30จังหวัดรับมือน้ำป่า-ดินถล่มจากอิทธิพล"พายุเกมี"ช่วง6-7ต.ค. กทม.เรียกผอ.50เขตถกเตรียมการรับฝนหนัก
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กล่าวว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่าจะมีพายุโซนร้อน "เกมี" เคลื่อนผ่านประเทศลาวตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางของประเทศไทยในช่วงวันที่ 6-7 ต.ค.นี้ ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นและฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่

ทั้งนี้ขอแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในที่ลาดเชิงเขา ที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ ทางน้ำไหลผ่าน

เตรียมความพร้อมกับสถานการณ์ฝนตกหนักที่จะทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม โดย 30 จังหวัดที่อยู่ในจุดเสี่ยง คือ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ สุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง ตราด ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง ระนอง และสตูล

ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร (กทม.)

ได้ลงพื้นที่ตรวจการเปิดประตูระบายน้ำแสนแสบ-มีนบุรี ตอนประชาร่วมใจ เขตมีนบุรี ในการระบายน้ำพื้นที่ฝั่งตะวันออกโดยกล่าวว่า ขณะนี้ประตูระบายน้ำดังกล่าวเปิดอยู่ที่ 40 เซนติเมตร ซึ่งเป็นระดับที่เปิดอยู่แล้วตามปกติ เพื่อระบายน้ำในพื้นที่เขตหนองจอกและมีนบุรี ออกไปยังคลองแสนแสบและอุโมงค์ระบายน้ำพระรามเก้าลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และบางส่วนจะผันออกไป จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนจะออกสู่อ่าวไทย

"ในสัปดาห์หน้า กทม.จะพิจารณาเพิ่มระดับบานประตูให้สูงขึ้น หลังจากที่มีรายงานว่าพายุเกมีจะเคลื่อนเข้าไทย รวมทั้งจะประสานกรมชลประทานให้ช่วยเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลด้วย เพื่อช่วยเหลือและลดผลกระทบของประชาชนในพื้นที่ฝั่งตะวันออกและจังหวัดปทุมธานี"ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าว

นอกจากนี้ในวันที่ 3 ต.ค. ได้เรียกผู้อำนวยการเขต 50 เขต เข้าหารือเตรียมความพร้อมรับมือฝนตกในสัปดาห์หน้า รวมทั้งหามาตรการแก้ไขปัญหาชุมชนนอกคันกั้นน้ำอย่างครบวงจรในระยะยาว

"ราชบัณฑิต" ยืนยันไม่แก้คำยืมจากภาษาอังกฤษ


"ราชบัณฑิตยสถาน" แจงว่าไม่มีการแก้ไขคำยืมจากภาษาอังกฤษในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 รวมทั้งยังไม่มีมติให้แก้ไขรูปแบบการเขียนคำยืมจากภาษาอังกฤษตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 ตุลาคม ที่สนามเสือป่า น.ส.กนกวลี ชูชัยยะ เลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน กล่าวว่า

ตามที่ได้มีประชาชนจำนวนมากแสดงความห่วงใยเรื่องรูปแบบการเขียนคำยืมจากภาษาอังกฤษในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ผ่านสื่อต่างๆ นั้น ราชบัณฑิตยสถานขอขอบคุณและขอชี้แจงว่า ราชบัณฑิตยสถานได้ถือหลักการเขียนคำในภาษาต่างประเทศ ตามพระดำริของ พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ อดีตนายกราชบัณฑิตยสถาน ว่า การเขียนคำในภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษออกเสียงไม่แน่นอน จะออกเสียงอย่างไรย่อมแล้วแต่ประโยค เสียงจะสูงต่ำก็แล้วแต่ตำแหน่งของคำในประโยค จึงทรงเห็นว่าไม่ควรใช้วรรณยุกต์กำกับตามเหตุผลดังกล่าว

เลขาธิการราชบัณฑิตยสถานกล่าวต่อไปว่า ในปัจจุบันราชบัณฑิตยสถานมีราชบัณฑิตสาขาวิชาต่างๆ 84 คน

ภาคีสมาชิกสาขาวิชาต่างๆ 80 คน และมีคณะกรรมการวิชาการในสาขาวิชาการต่างๆ กว่า 90 คณะ ซึ่งอาจเสนอความเห็นทางด้านวิชาการให้ราชบัณฑิตยสถานพิจารณาได้ และศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.กาญจนา นาคสกุล ในฐานะราชบัณฑิตสาขาวิชาภาษาไทย ได้เสนอขอให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเขียนคำยืมจากภาษาอังกฤษ โดยแนะให้ใส่เครื่องหมายวรรณยุกต์ หรืออักษรสูง หรือใช้ ห นำในคำที่ไม่สามารถผันวรรณยุกต์ได้ ราชบัณฑิตยสถานจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณากำหนดแนวทางการเขียนคำที่มาจากต่างประเทศ เพื่อพิจารณาเรื่องที่ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.กาญจนา นาคสกุล เสนอ คณะกรรมการฯ ได้มีมติให้ออกแบบสอบถามตามข้อเสนอของ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.กาญจนา นาคสกุล โดยสอบถามราชบัณฑิต ภาคีสมาชิก และกรรมการวิชาการของราชบัณฑิตยสถาน เพื่อรับฟังความคิดเห็นเฉพาะภายในองค์กรเป็นเบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2555 และจะเสนอผลการรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวต่อสภาราชบัณฑิต ในการประชุมครั้งที่ 4/2555 ในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ.2555

"ผลการรับฟังความคิดเห็นเฉพาะภายในองค์กรของราชบัณฑิตยสถานเกี่ยวกับหลักการเขียนคำยืมจากภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะมีผลเป็นประการใด เป็นเพียงความเห็นส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ข้อยุติ การแก้ไขคำยืมจากภาษาอังกฤษซึ่งใช้ในทางราชการ ทางการศึกษา มาเป็นเวลานาน หากมีการเปลี่ยนแปลง ย่อมมีผลกระทบสำคัญต่อการใช้ภาษาไทยของหน่วยงานราชการ นักเรียนนักศึกษา และประชาชนทั่วไป ดังนั้น จึงต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานและบุคคลดังกล่าวก่อน ตามหลักการพื้นฐานที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนที่จะพิจารณาดำเนินการไปในทางใดทางหนึ่ง และพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ที่ขณะนี้กำลังดำเนินการจัดพิมพ์นั้น ไม่ได้แก้ไขรูปแบบการเขียนคำยืมจากภาษาอังกฤษตามที่เป็นข่าว ส่วนความคิดเห็นของประชาชนที่ปรากฏในสื่อต่างๆ ราชบัณฑิตยสถานจะรวบรวมข้อมูลไว้เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป" เลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน กล่าว

ในตอนท้าย เลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน กล่าวย้ำว่า ไม่มีการแก้ไขคำยืมจากภาษาอังกฤษในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554

ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิมพ์ และจะเสร็จพร้อมแจกให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ส่วนราชการ สถาบันศาสนา สถาบันการศึกษา สื่อมวลชน ในต้นปี 2556 เนื่องจากได้รับงบประมาณจากรัฐบาลในโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา

วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ลำปางหนาวแล้ว!! อ.แจ้ห่มมีหมอกลงอุณภูมิลด


แจ้ห่ม ลำปาง เริ่มมีหมอกลง ขณะอุณภูมิเริ่มลดลง ยอดดอย 20 องศาฯ นักท่องเที่ยวแห่สัมผัสอากาศหนาว
ที่บริเวณถนนสายต่างๆ ในเขต อ.เมือง และ อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง บางแห่งเริ่มมีหมอกลงบ้าง ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนต้องเปิดไฟหน้ารถในช่วงเช้ากันแล้ว เพื่อเพิ่มวิสัยทัศนในการมองเห็นบนท้องถนน หลังบางพื้นที่เริ่มมีหมอกลง ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ได้มีฝนตกลงมา ทำให้อุณหภูมิในบางพื้นที่เริ่มมีอากาศเย็นลง นั่นหมายถึงการส่งสัญญาณว่าเริ่มเข้าสู่ช่วงของฤดูหนาว หรือปลายฝนต้นหนาวกำลังจะมาเยือนแล้ว ส่วนอุณหภูมิต่ำสุดของ จ.ลำปาง จากรายงานของสถานีอุตุนิยมวิทยาลำปาง

โดยช่วงเช้าวันนี้ อุณหภมิต่ำสุดของ จ.ลำปาง อยู่ที่ 23 องศาเซลเซียส ส่วนบนยอดดอยอยู่ที่ประมาณ 20 องศาเซลเซียส

ถือว่า อากาศในช่วงนี้ ที่ จ.ลำปาง เริ่มเย็นสบาย ขณะที่บรรยากาศในตัวเมืองลำปาง ก็เริ่มคึกคักแล้ว มีประชาชน นักท่องเที่ยว เดินทางนั่งรถม้าชมรอบเมืองลำปาง ท่ามกลางสภาพอากาศที่เริ่มเย็นลงอย่างต่อเนื่อง  

วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

แผ่นดินไหวทองผาภูมิ ไม่กระทบ "เขื่อนศรีนครินทร์"

ขอบคุณภาพจาก มติชน
ขอบคุณภาพจาก "มติชน"
นายดิลก ธโนศวรรย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ-บริหาร

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่บริเวณอำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ขนาด 2.9 ริกเตอร์ ซึ่งเป็นแผ่นดินไหวขนาดเล็ก เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2555 เวลา 20.04 น. นั้น เขื่อนวชิราลงกรณ ได้ทำการตรวจสอบข้อมูล และตัวเขื่อนแล้ว ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด โดยแผนดินไปในครั้งนี้ ศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากตัวเขื่อนประมาณ 37 กิโลเมตร

           
ด้านนายวนิช แสงสุวรรณ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์-บริหาร กล่าวว่า

ทางเขื่อนศรีนครินทร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลจากเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหวที่ติดตั้งในบริเวณเขื่อนฯแล้วเช่นกัน พบว่าไม่มีแรงกระทำมาถึงตัวเขื่อน โดยศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเขื่อนศรีนครินทร์ประมาณ 57 กิโลเมตร จึงขอให้วางใจว่า เขื่อนศรีนครินทร์ ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างไร สำหรับประชาชนที่ห่วงความปลอดภัยของเขื่อนศรีนครินทร์ หากต้องการเห็นสภาพเขื่อนศรีนครินทร์ในปัจจุบัน สามารถเข้าชมจากกล้อง CCTV ได้ที่
http://cctvsnr.egat.com       
           
ที่ผ่านมาเขื่อนทุกเขื่อนของ กฟผ.  ได้มีการดำเนินการในตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัยของเขื่อนอยู่เป็นประจำอย่างต่อเนื่องมาตลอด

โดยได้นำเอาระบบตรวจวัดข้อมูลแบบอัตโนมัติ มาติดตั้งใช้งานที่เขื่อน โดยเป็นระบบตรวจวัดข้อมูล ที่ครอบคลุมข้อมูลด้านพฤติกรรมเขื่อน ข้อมูลอุตุ-อุทกวิทยา และข้อมูลแผ่นดินไหว ระบบนี้ จะสามารถประมวลผลข้อมูลเบื้องต้น แสดงผลเป็นรูปกราฟ และหากมีข้อมูลที่ผิดปกติ ก็สามารถแจ้งเตือนให้ตรวจสอบได้ทันที นับเป็นการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ ด้านการสื่อสารข้อมูลมาประยุกต์ใช้อย่างได้ผล เพื่อจะช่วยให้งานด้านความปลอดภัย สำหรับเขื่อนต่างๆของ กฟผ. มีประสิทธิภาพ ทัดเทียมมาตรฐานสากล และมีการดำเนินการตรวจสอบตามวาระ และบำรุงรักษาเพื่อความปลอดภัยของเขื่อนอย่างมีระบบและต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจได้ว่า เขื่อนทุกเขื่อนของ กฟผ. จะมีความมั่นคงปลอดภัยในการใช้งาน และมีความปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ท้ายน้ำของเขื่อน

ปภ.เตือน 11 จังหวัดระวังดินโคลนถล่ม-น้ำป่าไหลหลาก

มีคำเตือนให้ 11 จังหวัด ระวังอันตรายจากดินโคลนถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ขณะที่ 2 เขื่อนใหญ่ในภาคเหนือ ยืนยันยังสามารถรับน้ำได้อีกมาก

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือน 11 จังหวัดในภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ประกอบด้วย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ พิษณุโลก สระแก้ว จันทบุรี ตราด กาญจนบุรี ราชบุรี ระนอง พังงา และกระบี่ มีฝนตกชุกหนาแน่นจนถึงหนักมาก ซึ่งอาจเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม จึงขอให้ประชาชนเฝ้าระวังและติดตามประกาศอย่างใกล้ชิด หากพบสัญญาณผิดปกติให้รีบอพยพออกจากพื้นที่ทันที หรือแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่ 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม มีคำยืนยันจากเขื่อนใหญ่ทางภาคเหนือ ทั้งเขื่อนภูมิพล จ.ตาก และเขื่อนสิริกิติ์ จ.ชัยนาท ยังสามารถรับน้ำได้อีกมาก
โดยเขื่อนภูมิพล มีน้ำร้อยละ 59 ของความจุ ซึ่งน้อยกว่าปีก่อนร้อยละ 36 ขณะที่มีน้ำไหลเข้าอ่างเพียงวันละ 33 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ มีน้ำอยู่ร้อยละ 66 ของความจุ ซึ่งน้อยกว่าปีก่อนเช่นกัน สำหรับอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ต่างๆ พบว่ายังอยู่ในเกณฑ์ปกติ

ผลจากฝนที่ตกหนักตั้งแต่เมื่อวานต่อเนื่องถึงวันนี้ ส่งผลให้หลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ มีน้ำท่วมขัง
อาทิ เขตห้วยขวาง ลาดพร้าว กทม.ต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่ขุดลอกท่อระบายน้ำ ซึ่งพบว่ามีขยะและดินโคลนลงไปอุดตันอยู่เป็นจำนวนมาก.

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

“รอยล” เผย กทม.-ปริมณฑลจะฝนตกหนักต่อเนื่องถึงสิ้นเดือน


กรุงเทพฯ 25 ก.ย.-ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตรระบุว่า จะยังคงมีฝนตกหนักใน กทม.และปริมณฑลต่อเนื่องจนถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้

นายรอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร กล่าวว่า อิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นเจอลาวัต

ทำให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีพายุอีกลูกหนึ่งได้ก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิก จึงทำให้เกิดฝนตกตั้งแต่ภาคกลางไปจนถึงภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยในวันพรุ่งนี้จะมีฝนตกหนักและเป็นบริเวณกว้างมากขึ้น จากนั้นจะค่อยๆ ลดลง และสลายตัวไปในวันเสาร์

ฝนที่ตกหนักในวันนี้ทำให้ถนนหลายสายใน กทม.เกิดน้ำท่วมขัง

ซึ่งนายรอยลระบุว่า เป็นเพราะการระบายน้ำจากท่อระบายน้ำลงสู่คลองทำได้ไม่ทันกรุงเทพมหานคร ได้แก้ปัญหาโดยการนำเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำจากถนนลงคลอง ซึ่งเป็นวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ดี แต่ในระยะยาวจำเป็นต้องตรวจสอบและซ่อมบำรุงระบบท่อระบายน้ำใหม่ เนื่องจากบางจุดมีสิ่งอุดตัน บางจุดแผ่นดินทรุดทำให้ท่อระบายน้ำทรุดลงไปด้วย น้ำจึงไม่ไหลลงคลอง นอกจากนี้ การก่อนสร้างถนนในอนาคตจะต้องคำนึงถึงระดับความสูงให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้ถนนกลายเป็นสิ่งกีดขวางทางระบายน้ำ.-สำนักข่าวไทย

สหราชอาณาจักรเจอน้ำท่วมหนัก

หลายพื้นที่ของสหราชอาณาจักรเผชิญกับน้ำท่วมหลังฝนตกหนักเมื่อวานนี้  ทางการได้ออกคำเตือนน้ำท่วมหลายพื้สนที่

หลายพื้นที่ของเขตการปกครองสกอตแลนด์ ต้องเผชิญกับน้ำท่วมจากแม่น้ำไทน์  โดยทางการได้ออกคำเตือนน้ำท่วม เพราะคาดว่าระดับน้ำในแม่น้ำไทน์จะยังคงสูงต่อเนื่อง ทำให้คนงานและเจ้าของธุรกิจตลอดสองฟากฝั่งของแม่น้ำต้องช่วยกันใช้ถุงทรายก่อแนวคันกั้นน้ำ


นอกจากนี้ยังมีการพยากรณ์ด้วยว่า ชายฝั่งหลายพื้นที่ของเขตการปกครองไอร์แลนด์เหนือ และสกอตแลนด์ จะเผชิญกับลมกระโชกแรงถึง 112 กิโลเมตร/ชั่วโมงด้วย
ซึ่งหากสภาพอากาศยังเป็นเช่นนี้ต่อไปอีก 2-3 วัน ก็อาจจะมีการประกาศเตือนน้ำท่วมเพิ่มอีกหลายจุด ซึ่งล่าสุดมีการเตือนภัยน้ำท่วมแล้ว 55 จุด สำหรับภาคตะวันตกเฉียงใต้ของเขตการปกครองอังกฤษ เขตที่ราบสูงตอนกลาง เขตการปกครองเวลส์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตกเฉียงเหนือ


ส่วนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้เกิดปรากฏการณ์ฟองสีขาว คล้ายฟองผงซักฟอกแผ่ปกคลุมชายหาดที่เมืองแอเบอร์ดีน ติดชายฝั่งทะเลเหนือ
ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากฝนตกหนักและลมแรงตีน้ำ อากาศ และอินทรียสารจำพวกแพลงก์ตอน ผสมกันจนเกิดฟอง เปื้อนติดตามอาคารบ้านเรือนประชาชน และรถยนต์ในเขตฟุตดี อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ฟองดังกล่าวไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

อ.สามง่ามท่วมสูง2ม.เดือดร้อน1พันครัวเรือน

ภาพจาก innnews
ภาพจาก innnews
น้ำยมเอ่อล้นตลิ่งท่วม อ.สามง่าม จ.พิจิตร สูง 2 เมตร กระทบกว่า 1,000 หลังคาเรือน ผู้ว่าฯ ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว
เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2555 ที่ผ่านมา นายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วย นายวิเชียร อนุศาสนนันท์ นายอำเภอสามง่าม จ.พิจิตร ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ดูสถานการณ์น้ำท่วม ในเขตลุ่มน้ำยม ที่น้ำเอ่อล้นตลิ่ง ประกอบกับ มีน้ำไหลหลากมาจากภาคเหนือ โดยน้ำได้เข้าท่วม 3 หมู่บ้าน ของ ต.รังนก อ.สามง่าม จ.พิจิตร ชาวบ้านได้รับผลกระทบกว่า 1,000 หลังคาเรือน โดยระดับน้ำท่วมใต้ถุนบ้านสูงประมาณ 2 เมตร ซึ่งล้วนเป็นบ้านที่อยู่ในที่ลุ่มริมแม่น้ำยม ชาวบ้านต้องใช้เรือพายเป็นพาหนะในการเดินทาง นอกจากนี้ น้ำยังได้เอ่อล้นเข้าทุ่งนา โดยน้ำท่วมที่นา 20,000 ไร่ ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่ที่ชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวหนีน้ำ
ไปก่อนหน้านี้แล้ว เกษตรกรจึงไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด
ล่าสุด นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้ประกาศให้ อ.สามง่าม เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติอุทกภัยแล้ว เป็นอำเภอที่ 4 ของ จ.พิจิตร ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมดังกล่าว ในส่วนของระดับน้ำในแม่น้ำน่าน ในเขต อ.เมือง พิจิตร น้ำยังคงอยู่ต่ำกว่าตลิ่ง 4-5 เมตร แต่ใน อ.บางมูลนาก ระดับน้ำอยู่ต่ำกว่าตลิ่งเพียงแค่ 1 เมตรเศษ สิ่งที่ชาวบ้านวิตกกังวล คือ หากมีฝนตกหรือมีพายุเข้ามาในช่วงนี้ ฝนที่ตกลงมาน้ำในท้องทุ่งนา จะไม่สามารถระบายลงสู่แม่น้ำน่านได้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดน้ำท่วมตลาดและชุมชน แต่ขณะนี้ สถานการณ์ยังอยู่ในสภาวะปกติ แต่ชาวบ้านก็มีการเตรียมพร้อมขนย้ายสิ่งของขึ้นสู่ที่สูงแล้ว

ผวจ.แม่ฮ่องสอน สั่งด่วนทุกอำเภอจับตา 24 ชม.รับมือน้ำท่วม


นางนฤมล ปาลวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีหนังสือด่วนที่สุดถึง นายอำเภอทุกอำเภอ

ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณที่ลาดเชิงเขา ที่ราบต่ำริมน้ำไหลผ่านและพื้นที่เสี่ยงภัยของจังหวัด ระมัดระวังภัยอันเกิดจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม ในระยะ 4-5 วันนี้ ผ่านทางวิทยุกระจายเสียงประจำท้องถิ่น เสียงตามสาย หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้านและเครือข่ายวิทยุสมัครเล่น สถานีโทรทัศน์และเคเบิ้ลทีวี ผู้นำท้องถิ่น และอาสาสมัคร ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่

นอกจากนี้ยังกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบเขื่อน ฝาย อ่างและคันกั้นน้ำ รวมทั้งพื้นที่ของเอกชน

ที่คาดว่าจะมีประชาชนไปใช้บริการจำนวนมาก ถ้าไม่มีความมั่นคงแข็งแรง ให้แก้ไขโดยด่วน จัดเจ้าหน้าที่อยู่ปฏิบัติงานเฝ้าระวังเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ ตลอด 24 ชั่วโมง หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นให้ แจ้งข้อมูลไปที่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจได้รับทราบโดยเร็ว เพื่อดำเนินการช่วยเหลือประชาชนให้ทันต่อเหตุการณ์ต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

น้ำยมทะลัก3อ.พิษณุโลก-โผงเผงท่วม100หลัง

น้ำยมจากสุโขทัย เริ่มหลากท่วม 3 อำเภอพิษณุโลก บางระกำโมเดลช่วยได้ส่วนหนึ่ง ขณะที่ ชาวโผงเผง จ.อ่างทอง ได้รับผลกระทบ กว่า 100 หลังคาเรือน

นายบัณฑิต อินต๊ะ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพิษณุโลก เปิดเผยกับ ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ขณะนี้ ต้องเฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำยม ที่ไหลมาจากสุโขทัยอย่างใกล้ชิด ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าแม่น้ำยมสายเก่า ส่งผลให้ 3 อำเภอของจังหวัดพิษณุโลก ได้รับผลกระทบ คือ อำเภอพรหมพิราม อำเภอเมือง และอำเภอบางระกำ ส่วนบางระกำโมเดล ได้ช่วยรับน้ำไว้ในทุ่งได้จำนวนหนึ่ง ส่วนระดับน้ำแม่น้ำยมสายหลัก มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ระดับน้ำตอนนี้ อยู่ที่ 7.20 เมตร สำหรับแผนการจัดการน้ำ คือ จะเร่งผันน้ำจากแม่น้ำยม สู่แม่น้ำน่าน ในช่วงที่ผ่านอำเภอบางระกำ ซึ่งจะส่งผลให้ อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร รับปริมาณน้ำน้อยลง


ส่วนแนวทางการจัดการน้ำที่ จังหวัดอ่างทอง นายชัยพร ธรรมภักดี ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอ่างทอง เผยว่า

ขณะนี้ ปริมาณน้ำที่ผ่านอ่างทอง  มีไม่เกิน 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ ตำบลโผงเผง ได้รับผลกระทบ มีบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมกว่า 100 หลังคาเรือน ส่วนพื้นที่เศรษฐกิจ ไม่รับผลกระทบแต่อย่างใด ส่วนแนวทางการบริหารจัดการน้ำนั้น เร่งผันน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาทั้งซ้ายและขวา และยืนยันว่า สามารถที่จะควบคุมสถานการณ์ได้

วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555

ทั่วไทยฝนตกชุก

ทั่วไทยฝนตกชุก
 
กรมอุตุ เผย ทั่วไทยยังคงมีฝนตกชุก 6 จังหวัด เหนือ ตะวันออก ใต้ ฝนตกหนัก ระวังอันตราย กทม. ฝน 60 %

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศประจำวันเสาร์ที่ 8 กันยายน 2555 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมบริเวณภาคกลางได้เคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศพม่าแล้ว แต่แนวร่องมรสุมยังคงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดตาก กำแพงเพชร จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้

สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบนและ ทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ชาวเรือระมัดระวังในการเดินเรือในระยะนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดตาก กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมาก บริเวณจังหวัดหนองคาย สกลนคร อุดรธานี และชัยภูมิ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมาก บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-30 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

แผ่นดินไหวจีนล่าสุดดับแล้ว67คน

แผ่นดินไหวจีนล่าสุดดับแล้ว67คน
 
แผ่นดินไหวจีนล่าสุดดับแล้ว67คน
แผ่นดินไหวจีนล่าสุดดับแล้ว67คน
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานความคืบหน้า
                   เหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 5.6 ริกเตอร์ 2 ระลอก บริเวณรอยต่อพรมแดน มณฑลยูนนานและมณฑลกุ้ยโจว ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ก่อน 12.00 น. วานนี้ และมี อาฟเตอร์ช็อค ตามมาหลายครั้ง ทำให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตล่าสุด 67 คน บาดเจ็บอีก 731 คน ประชาชนไร้ที่พักอาศัยกว่า 1 แสนคน โดยพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบมากสุด คือ เขตยี่เหลียง มณฑลยูนนาน บ้านเรือนประชาชนเกือบ 30,000 หลัง พังเสียหายชาวเมืองนับร้อยหนีตายอย่างโกลาหล มารวมตัวกันตามท้องถนนสายต่าง ๆ


               ขณะที่ ข้อความทางทวิตเตอร์ ระบุว่า อาคารหลายแห่งสั่นไหว ท่ามกลางความตื่นตระหนกของผู้คน ทางการต้องสั่งอพยพผู้คนนับแสน ๆคน ออกนอกพื้นที่เสี่ยง เกรงว่าอาจเกิดดินถล่มตามมาจากอาฟเตอร์ช็อค อย่างไรก็ดี ทางการจีนได้ทยอยจัดส่งเต๊นท์ ผ้าปู และเสื้อโค้ทไปยังพื้นที่ประสบภัยแล้ว ขณะที่นายกรัฐมนตรีเวิน เจีย เป่า ของจีน อยู่ระหว่างการลงพื้นที่ไปตรวจสอบ

วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

ปภ.เตือนผู้ว่า 20 จังหวัด 1-6 ก.ย. รับมือน้ำท่วมฉับพลัน


นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ.

ได้มีโทรสารด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการ 20 จังหวัดในภาคเหนือและอีสาน ได้แก่ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ว่า หลังกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศเตือน ฉบับที่ 1 ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ในหลายพื้นที่ภาคเหนือ และอีสาน ระหว่างวันที่ 1 - 6 ก.ย.นี้

เพื่อให้เป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ จึงให้ทางจังหวัดเตรียมการดังนี้

1. ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบ 2. ให้ผู้ว่าฯ กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจพื้นที่เก็บน้ำ ให้มั่นคงแข็งแรง หากต้องซ่อมแซมให้เร่งดำเนินการ 3. ให้ช่วยเหลือประชาชนหากเกิดสถานการณ์ในพื้นที่ให้ทันท่วงที และ 4. รายงานผลปฏิบัติการเตรียมความพร้อม ให้ ปภ. ทราบภายใน 24 ชั่วโมง

ผวา ... (เสน่ห์)อัมพวาหาย

 





 ผวา ... (เสน่ห์)อัมพวาหาย : คอลัมน์ถิ่นไทยงาม
          ตกใจ !! ... ยอมรับว่าตกใจจริงๆ ที่รับทราบข่าวว่า ว่า "เอาแน่" ที่จู่ๆ เรือนแถวไม้เก่าแก่ริมคลองอัมพวา เคียงคู่กับตลาดน้ำยามเย็น "อัมพวา" มานานแสนนาน ต้องถูกรื้อถอนบางส่วน เหตุเพราะเจ้าของที่ ขายที่ดินบริเวณนั้นให้กับนายทุน และนายทุนที่ว่า กำลังผุดโครงการขนาดยักษ์ "ชูชัยบุรี ศรีอัมพวา(รีสอร์ท แอนด์ สปา)" เป็นโรงแรมหรูระดับ 4 ดาว ของ ชูชัย ชัยฤทธิเลิศประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมพีซ กรุ๊ป เจ้าของธุรกิจเพชรชื่อดัง มีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2555 อันที่จริงโครงการนี้ เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่เมื่อกลางปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นก็เป็นข่าวเปิดตัวไปแล้วในหลายสื่อ
ตลาดน้ำอัมพวา ... ถือเป็นตลาดน้ำยามเย็นแห่งแรก ตั้งอยู่ใกล้วัดอัมพวันเจติยาราม (จอดรถที่วัดอัมพวันเจติยารามได้) เปิดขายของทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่ 12.00 - 20.00 น. พอดีสอดรับกับช่วงวายของตลาดน้ำดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ที่อยู่เลยไปไม่ไกล

            เมื่อก่อนใครไปอัมพวา มักกลับมาด้วยความหลงใหลในความสงบ และเสน่ห์ของบ้านเรือนไม้ริมสองฝั่งคลอง ที่ยังคงรูปแบบการไปมา ค้าขายแบบเดิมๆ ทั้งร้านค้าริมตลิ่ง หรือเรือพายขายอาหารพวกผัดไท หอยทอด ก๋วยเตี๋ยวเรือ ขนมพื้นบ้าน ไปจนถึงกาแฟ โอเลี้ยง ใครไปเที่ยวก็มักไปพักตามเรือนไม้ริมน้ำ แบบอยู่กับเจ้าของบ้าน เหมือนเป็นโฮมสเตย์จริงๆ ตกเย็นก็มีเสียงเพลงสุนทราภรณ์ตามสาย ได้ยินไปตามลำคลอง
ชุมชนอัมพวาเคยได้รับรางวัลชมเชย (Honorable Mention) ด้านการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม จากองค์กรยูเนสโก ภาคพื้นทวีปเอเชียแปซิฟิก (UNESCO Asia-Pacific Heritage Award) ประจำปี 2551

               ความเรียบง่าย บวกกับวิถีชุมชนที่ กลายเป็นจุดขายของอัมพวาไปโดยปริยาย แถมด้วย "หิ่งห้อย" เป็นอีกตัวดึงดูด จนใครๆ ไปอัมพวา ก็หาโอกาสไปดูหิ่งห้อยด้วย
แต่เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น จากเรือนแถวไม้ เริ่มกลายเป็นบ้านหลังสวย สอดแทรกเข้ามาเปิดทำเป็นที่พักรองรับนักท่องเที่ยวเป็นล่ำเป็นสัน ร้านค้าเริ่มปรับรูปแบบสินค้าที่นำมาขาย ทั้งสินค้าไอเดีย แฮนด์เมด ไปจนถึงเสื้อผ้าตีตราอัมพวาตัวโต ไปจนถึงสินค้าตามตลาดนัดทั่วไป โซนตลาดน้ำอัมพวาก็อุดมไปด้วยนักท่องเที่ยว สะพานข้ามคลอง ถนนเลียบนทีช่วงเย็น อัดแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวชนิดไม่ต้องเดินก็ไหลตามกันไป
จุดลงเรือไปชมหิ่งห้อยก็คึกคัก จากเรือแจวเปลี่ยนเป็นเรือเครื่อง ที่พอตกเย็นต่างก็เร่งเครื่อง แข่งกันพานักท่องเที่ยวไปดูหิ่งห้อย พอธรรมชาติถูกรบกวนหนักๆ เข้า หิ่งห้อย ก็ค่อยๆ ลดจำนวนลง

               ร้ายไปกันใหญ่ เมื่อทุนก้อนใหญ่เข้ามา เสน่ห์แบบบ้านๆ ถูกเมินมอง เรือนไม้ 11 หลังต้องรื้อถอน แม้โซนนั้นจะอยู่เลยตลาดขึ้นไปทางบ้านครูปูรีสอร์ท ฝั่งตรงข้ามวัดพระยาญาติ(ปากง่าม) ซึ่งปกติจะเป็นย่านพักอาศัยที่เงียบสงบ ก็ตามที
ธีรภาพ โลหิตกุล ได้แสดงทัศนะไว้ในเฟสบุคส่วนตัวของเขาว่า "ผมคิดว่า คุณความดีของวิกฤต "อัมพวารันทด" และการโค่น “ปู่ลำพูต้นสุดท้ายที่บางลำพู” คือ “บทเรียน” ที่ทิ้งไว้เป็นมรดกให้ลูกหลานเราจดจำ เพราะปู่ลำพูกลายเป็นเศษขยะไปแล้ว และ... ขณะนี้ เรือนไม้ชายน้ำอัมพวาหลายหลังถูกรื้อไปแล้ว และกำลังรื้อเรียบ 11 ห้องในวันที่ 30 สิงหา เรื่องดำเนินมาไกลจนยากจะกลับไปที่จุดเริ่มต้น ....หนทางที่เหลืออยู่ คือแปรคราบน้ำตาให้เป็น "บทเรียน" ไว้เป็นภูมิคุ้มกัน ไม่ให้เกิดอัมพวา 2-3-4-5 ต่อๆไป
บทเรียนที่ว่านี้ คุณธีรภาพอธิบายไว้สั้นๆ ว่า หมายถึงเรื่อง คุณค่าแห่งอัตลักษณ์ รือสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมท้องถิ่นต้องได้รับการคุ้มครอง , การพัฒนาสู่ความทันสมัยต้องไม่ทิ้งรากเหง้าที่งดงามแต่เก่าก่อน, กฏหมายผังเมืองที่คุ้มครองพื้นที่อนุรักษ์ทางวัฒนธรรมอย่างจริงจัง, การลงโทษที่เอาจริงกับผู้ละเมิด และเมื่อรวยแล้วต้องมีสำนึกทางวัฒนธรรมด้วย

               อัมพวาในวันก่อน ฉันเห็นเธอเป็นสาวน้อยแรกแย้ม หากวันนี้เธอกลายเป็นสาวสพรั่งเพราะใครต่อใครปู้ยี่ปู้ยำ จนลืมความเป็นตัวตนของเธอไปอย่างน่าเสียดาย

วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

การบ้าน ปฏิบัติการที่ 6 SQL

การบ้าน ปฏิบัติการที่ 6 SQL


       h .   จากข้อ e เมื่อแปลออกมาเป็นภาษามนุษย์จะได้ว่า “ให้เลือกฟิลด์รหัสนิสิต  ชื่อนิสิต  อาจารย์ที่ปรึกษา และชั้น จากตารางนักเรียน (student) โดยมีเงื่อนไขคือเป็นเป็นนิสิตชั้นปีที่ 2  ให้ลองแปลข้อ f ออกมาเป็นภาษาคำถามของมนุษย์
       จากข้อ f  จะได้ว่า   SELECT   Studentid,Name,Advisor,class,hobby 
                                      FROM  student
                              WHERE hobby LIKE 'อ่านหนังสือ' ;



แปลออกมาเป็นภาษามนุษย์จะได้ว่า ให้เลือกฟิลด์รหัสนิสิต  ชื่อนิสิต  อาจารย์ที่ปรึกษา ชั้นและงานอดิเรก จากตารางนักเรียน (studentโดยมีเงื่อนไขคือต้องแสดงเฉพาะงานอดิเรกที่เป็นอ่านหนังสือ



 i .ให้นิสิตสืบค้นข้อมูลด้วยภาษา SQL ตามคำถาม “ให้เลือกฟิลด์ทั้งหมดจากตารางรายวิชา (subject) ”
SELECT *
FROM subject;





 j.       ให้นิสิตสืบค้นข้อมูลด้วยภาษา SQL  ตามที่ถาม“ให้เลือกฟิลด์รหัสรายวิชา  ชื่อรายวิชา  และจำนวนหน่วยกิต จากตารางรายวิชา (subject) 
SELECT subjectid,name,credit
FROM subject;







k       k.       ให้นิสิตสืบค้นข้อมูลด้วยภาษา SQL ตามคำถาม “ให้เลือกฟิลด์รหัสรายวิชา  ชื่อรายวิชา  และจำนวนหน่วยกิต จากตารางรายวิชา (subject) โดยมีเงื่อนไข คือต้องแสดงเฉพาะรายวิชา  104111”
SELECT subjectid,name,credit
FROM subject
WHERE   subjectid = 104111;




      O . จากข้อ m เมื่อแปลออกมาเป็นภาษาคำถามมนุษย์จะได้ว่า “ให้เลือกฟิลด์รหัสนิสิต  ชื่อนิสิต  คะแนน เกรด  และชื่อรายวิชา จากตารางนักเรียน (student) การลงทะเบียน  (Register)  และรายวิชา(Subject) โดยมีเงื่อนไขคือแสดงเฉพาะนิสิตรหัส  49000002 เท่านั้น”  ให้ลองแปลข้อ n ออกมาเป็นภาษาคำถามมนุษย์
จากข้อ n  จะได้ว่า 
      SELECT Student.Studentid,Student.Name, Register.Score,Register.Grade ,Subject.Name
FROM Register, Student,Subject
WHERE (Register.Studentid = Student.Studentid) And (Register.Subjectid = Subject.Subjectid AND Register.Subjectid = 104111);









แปลออกมาเป็นภาษามนุษย์จะได้ว่า ให้เลือกฟิลด์รหัสนิสิต  ชื่อนิสิต  คะแนน  เกรด  และชื่อรายวิชา จากตารางนักเรียน (student) การลงทะเบียน  (Register)  และรายวิชา(Subject) โดยมีเงื่อนไขคือแสดงเฉพาะรายวิชารหัส 104111  เท่านั้น

     
     p.   ให้นิสิตสืบค้นข้อมูลด้วยภาษา SQL ตามคำถาม “ให้เลือกฟิลด์รหัสนิสิต  ชื่อนิสิต  คะแนน  เกรด  และชื่อรายวิชา จากตารางนักเรียน (student) การลงทะเบียน  (Register)  และรายวิชา(Subject) โดยมีเงื่อนไขคือแสดงเฉพาะรายวิชารหัส 104111  เท่านั้น  และนิสิตอยู่ในชมรมภูมิศาสตร์เท่านั้น
SELECT Student.Studentid,Student.Name, Register.Score,Register.Grade ,Subject.Name
FROM Register, Student,Subject
WHERE (Register.Studentid = Student.Studentid) AND (Register.Subjectid = Subject.Subjectid AND Register.Subjectid = 104111) AND Student.club = 'ภูมิศาสตร์'









วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แผ่นดินไหว 7.4 ริกเตอร์ นอกชายฝั่ง"เอล ซาลวาดอร์"ยังไม่ประกาศเตือนสึนามิ

เกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขนาด 7.4 ริกเตอร์ ในมหาสมุทรแปซิฟิก นอกชายฝั่งประเทศเอล ซาลวาดอร์ โดยวัดขนาดความรุนแรงได้ 7.4 ริกเตอร์



ภาพ:USGS


สำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) ระบุว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 22.37 น. ตามเวลาท้องถิ่นวานนี้ (26 ส.ค.) (11.37 น. ตามเวลาในไทย) ที่ลองติจูด 12.279° ตะวันออก และ 88.530° ตะวันตก โดยเกิดขึ้นในระดับความลึก 52.9 กม. ห่างจากกรุงซาน ซาลวอดอร์ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 169 กม.

อย่างไรก็ดี ศูนย์เตือนภัยสึนามิแปซิฟิค กล่าวว่า ยังคงไม่มีการประกาศเตือนภัยสึนามิแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ดี แม้ยังคงไม่แน่ชัดว่า เกิดสึนามิขึ้นหรือไม่ แต่ได้ออกคำเตือนให้ไปยังคอสตาริกา, นิคารากัว, เอล ซาลวาดอร์, ฮอนดูรัส, กัวเตมาลา, ปานามา และเม็กซิโกให้จับตาอย่างใกล้ชิดแล้ว

นอกจากนั้น ยังเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กจนถึงปานกลางขึ้นหลายระลอกทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ


แผ่นดินไหวเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียตั้งแต่อิมพีเรียลเคาน์ตี้ไปจนถึงชายฝั่งเมืองซานดิเอโก และขึ้นไปทางเหนือถึงหุบเขาโคเชลลา โดยครั้งที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.31 น. ของบ่ายวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5.5 ริกเตอร์ และอีกไม่กี่นาทีต่อมาก็เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.9 ริกเตอร์ตามมาอีก

แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นทำให้ขวดไวน์ในร้านอาหารเมืองดรอว์ลีย์หล่นแตกกระจัดกระจาย ขณะที่ตำรวจรายงานว่ามีอาคารหลายแห่งในเขตตัวเมืองได้รับความเสียเล็กน้อย แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พายุโซนร้อน “ไอแซก” ถล่มเฮติ




วันนี้ ( 25 ส.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ ประเทศเฮติว่า ชาวเฮติต้องเผชิญอิทธิพลของพายุโซนร้อน “ไอแซก” ที่ขึ้นฝั่งเมื่อวันศุกร์ ก่อให้เกิดฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง และน้ำท่วมฉับพลัน ส่อแววเป็นหายนะภัยธรรมชาติครั้งใหม่ แม้ประเทศจะยังคงอยู่ในสภาวะฟื้นตัวจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อ 2 ปีก่อน ที่คร่าชีวิตประชาชนไปกว่า 250,000 ศพ
              ประธานาธิบดีมิเชล มาร์เตลลี แห่งเฮติ ยกเลิกกำหนดการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่น เพื่อคอยติดตามสถานการณ์ พร้อมทั้งกำกับดูแลทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีโลรองต์ ลาโมธ ที่แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ว่า เบื้องต้นได้สั่งปิดโรงเรียนทุกแห่ง และเพิ่มเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกแห่งแล้ว พร้อมทั้งยืนยันว่า รัฐบาล และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง

              รายงานล่าสุดของศูนย์เตือนภัยพายุหมุนแห่งชาติ ในเมืองไมแอมี รัฐฟลอริดา ของสหรัฐ ระบุว่า พายุโซนร้อน ไอแซก กำลังทวีความรุนแรงเป็นพายุเฮอริเคน โดยมีความเร็วลมอยู่ที่ 95 ก.ม./ชม. เคลื่อนที่ด้วยความเร็วลม 265 ก.ม./ชม. มีทิศทางมุ่งหน้ามายังเฮติ ก่อนเคลื่อนตัวต่อไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองซานโต โดมิงโก ของสาธารณรัฐโดมินิกัน ด้วยความเร็วลม 22 ก.ม./ชม. อิทธิพลของพายุอาจทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และดินโคลนถล่ม บนพื้นที่เกาะฮิสปานิโอลา และอ่าวกวนตานาโม ซึ่งเจ้าหน้าที่ประเมินว่า ปริมาณน้ำฝนอาจสูงถึง 51 เซนติเมตร

               ด้านทางการคิวบาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน 6 เมืองทางตะวันออกของประเทศ ที่มีประชากรอาศัยอยู่เกือบ 5 ล้านคน ทั้งนี้ พายุโซนร้อนลูกนี้ มีแนวโน้มขึ้นฝั่งรัฐฟลอริดา ของสหรัฐ ประมาณต้นสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นช่วงที่พรรครีพับลิกันจัดการประชุมใหญ่พอดี

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แฉ'โสมแดง'สร้างโดมครอบเตาปฏิกรณ์

เผยเกาหลีเหนือสร้างโดมครอบเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่กำลังก่อสร้างเสร็จแล้ว นับเป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญของโรงไฟฟ้า ซึ่งอาจใช้พัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์ได้แฉ'โสมแดง'สร้างโดมครอบเตาปฏิกรณ์
 


เจนส์ ดิเฟนซ์ วีกลี่ นิตยสารชั้นนำด้านกลาโหม ได้ตรวจสอบภาพถ่ายที่บันทึกโดยดาวเทียม จีโออาย-1 เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า เตาปฏิกรณ์ชนิดน้ำมวลเบาที่โรงไฟฟ้ายองเบียน ปรากฏมีโดมคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 21 เมตร ครอบอาคารของเตาในระดับผิวดิน

อัลลิสัน พุสซิโอนี นักวิเคราะห์ภาพถ่าย กล่าวว่า โดมดังกล่าวนับเป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญในการสร้างเตาปฏิกรณ์ของเกาหลีเหนือ แม้ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะสร้างเตาปฏิกรณ์เสร็จสมบูรณ์ และเปิดเดินเครื่องได้อย่างเต็มที่

เขาบอกว่า โดมได้ถูกสร้างครอบบนอาคารบรรจุเตาปฏิกรณ์ในช่วงระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน-6 สิงหาคม

ประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้ได้ปิดเตาปฏิกรณ์ที่ใช้แร่พลูโตเนียมที่เมืองยองเบียน ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโซลไปทางเหนือ 90 กิโลเมตร เมื่อปี 2550 ตามข้อตกลงปลดอาวุธนิวเคลียร์กับนานาชาติ แต่ต่อมาเกาหลีเหนือได้กลับลำ

เมื่อปี 2553 เกาหลีเหนือได้เปิดเผยแก่คณะนักวิทยาศาสตร์สหรัฐ ว่า กำลังสร้างเตาปฏิกรณ์แบบน้ำมวลเบาแห่งใหม่ที่เมืองยองเบียน เพื่อใช้งานในกิจการพลเรือน ทั้งนี้ เกาหลีเหนือต้องการพลังงานเป็นอย่างมาก แต่เตาปฏิกรณ์ดังกล่าวสามารถผลิตพลูโตเนียมคุณภาพสูงสำหรับทำระเบิดได้

โครงการอาวุธปรมาณูของเกาหลีเหนือใช้พลูโตเนียมเป็นวัสดุนิวเคลียร์ ซึ่งได้ทดสอบระเบิดนิวเคลียร์มาแล้ว 2 ครั้งนับแต่ปี 2549  รัฐบาลเปียงยางบอกด้วยว่า กำลังก่อสร้างโรงเสริมคุณภาพแร่ยูเรเนียมเพื่อผลิตเชื้อเพลิงสำหรับเตาปฏิกรณ์แห่งใหม่

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เตาแห่งใหม่นี้อาจถูกปรับเปลี่ยนไปใช้ในการผลิตยูเรเนียมคุณภาพสูงได้ ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เกาหลีเหนือจะสร้างอาวุธนิวเคลียร์

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ไต้ฝุ่นลูกใหม่จ่อคิวเข้าไต้หวัน

 

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อธิกวินาที(leap second) คืออะไร?

อธิกวินาที(leap second) คืออะไร?
คำว่าอธิก แปลว่า การเพิ่ม เช่นคำว่า ปีอธิกสุรทิน คือ ปีที่มีการเพิ่มวันที่ 29 เข้าไปในเดือนกุมภาพันธ์ อันเนื่องมาจากปีหนึ่งๆ มีเวลาเท่ากับ 365 วันกับอีก 1/4 วัน ดังนั้น 4 ปีจึงรวมเป็น 1 วันคือเพิ่มไปในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ อธิกมาส แปลว่า ปีที่มีการเพิ่มเดือนทางจันทรคติ คือปีที่มีเดือน 8 สองครั้ง เป็นต้น ดังนั้น อธิกวินาที ก็คือการเพิ่มวินาทีนั่นเอง
        ทำไมต้องมีการเพิ่มวินาที? เวลานั้นคือที่สิ่งที่มนุษย์เรากำหนดขึ้นโดยสังเกตจากธรรมชาติ ดังนั้นจึงต้องมีการปรับเวลาให้เข้ากับธรรมชาติ แต่เดิมมนุษย์เราก็อาศัยดวงอาทิตย์เป็นสิ่งที่บอกเวลาในเวลากลางวัน ส่วนกลางคืนก็อาศัยการดูดาวฤกษ์เป็นเครื่องบอกเวลา ต่อมามนุษย์เราก็มีเครื่องมือบอกเวลาก็คือนาฬิกา ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาในยุคแรกๆ ที่เป็นนาฬิกาลูกตุ้ม นาฬิกาควอทซ์ จนกระทั่งพัฒนามาถึงนาฬิกาอะตอมซึ่งอาศัยการสั่นของอะตอมของธาตุกัมมันตรังสีที่มีความเที่ยงตรงสูงมาก มากเสียยิ่งกว่าเวลาที่โลกหมุนจริง ซึ่งไม่เที่ยงตรงเท่า แต่เราก็ต้องยึดเวลาตามธรรมชาติเป็นหลัก จึงจำเป็นต้องปรับเวลาที่เที่ยงตรงมากนี้ ให้ไม่เที่ยงตรงตามธรรมชาติ คือตามการหมุนของโลก โดยการเพิ่มวินาทีในบางปี

         การเพิ่มวินาทีนี้จะทำในวันที่ 30 มิถุนายน ในเวลาสิ้นสุดของวันคือในช่วงกลางปี และวันที่ 31 ธันวาคมคือในปลายปี ในเวลาสิ้นสุดของวันเช่นกัน โดยเอาเวลามาตรฐานสากลที่กรีนิช เป็นเกณฑ์ในการตั้ง ดังนั้นใน 1 วันที่มีอยู่ทั้งหมด 86,400 วินาที วันที่มีอธิกวินาทีก็จะมี 86,401 วินาที

         แต่อธิกวินามีจะไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวเหมือนปีอธิกสุรทินที่มี 4 ปีครั้งหนึ่ง สาเหตุก็เพราะว่าโลกนั้นหมุนเร็วช้าไม่สม่ำเสมอ ในแต่ละปี เร็วบ้างช้าบ้าง แต่ในภาพรวมแล้วโลกจะหมุนช้าลง จึ่งทำให้นาฬิกาอะตอมที่เที่ยงตรงมากไม่ตรงกับเวลาธรรมชาติ จึงต้องเพิ่มหรือลดวินาที แต่ที่ผ่านมานั้นเพิ่มทั้งสิ้น

         ในทางดาราศาสตร์จะใช้การสังเกตดวงอาทิตย์ที่ผ่านตำแหน่งหนึ่งๆ ครบหนึ่งรอบหรือในเวลากลางคืนใช้วิธีสังเกตจากดวงดาวเรียกว่าเวลาสุริยะ (Universal time 1: UT1) โดยมีองค์กรหนึ่งซึ่งทำหน้าที่เทียบเวลาการหมุนของโลกเทียบกับตำแหน่งของดวงดาวบนท้องฟ้า โดยเปรียบเทียบกับเวลา UTC (เวลาที่ได้จากการเฉลี่ยเวลาจากนาฬิกาอะตอมที่ตั้งอยู่ตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก)คือเวลาที่ใช้อ้างอิงการหมุนของโลก เมื่อพบว่าเวลาทั้งสองต่างกันมาก ก็จะมีการเพิ่มหรือลดวินาทีดังกล่าวข้างต้น

          โดยเมื่อเทียบเวลา UT 1 กับเวลา UTC แล้วแตกต่างกันเกิน 0.9 วินาที ก็จะมีการเพิ่มหรือลดวินาทีขึ้น โดยจะมีการประกาศเป็นครั้งๆ ไป โดยการเพิ่มวินาทีนั้นเช่น โดยปกติเมื่อถึงเวลา 23.59 :59 แล้วก็จะเป็น 00.00:00 แต่ถ้าเป็นอธิกวินาทีจะได้ว่า 23.59 :59 จากนั้นจะเป็น 23.59:60 แล้วจึงขึ้นวันใหม่เป็น 00.00:00 ตามลำดับ ซึ่งในวันนี้ 30 มิถุนายน 2555 (ตามเวลากรีนิช ก็จะมีการเพิ่มวินาทีเช่นกัน เทียบกับเวลาในไทยคือ UTC+7 ก็จะเป็นเวลา 06.59:59 ต่อด้วย 06.59:60 และตามด้วย 07.00:00 ตามลำดับในเช้าวันนี้นั้นเอง

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ญี่ปุ่นเตรียมฟ้องเกาหลีใต้ต่อศาลโลกกรณีพิพาทเกาะ



ญี่ปุ่น ประกาศจะปล่อยตัวนักเคลื่อนไหวจีนและฮ่องกง 14 คน กลับประเทศ หลังจับกุมทั้งหมด ไว้ฐานรุกล้ำเกาะพิพาทเซนกากุ ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นจะส่งเรื่องข้อพิพาทเรื่องเกาะทาเคชิมะเข้าสู่ศาลโลก
โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น แถลงว่า รัฐบาลจะเนรเทศนักเคลื่อนไหวทั้ง 14 คนออกนอกประเทศ โดยไม่ดำเนินคดีข้อหาใดๆกับพวกเขา และสื่อท้องถิ่นคาดว่า พวกเขาจะเดินทางกลับประเทศได้ภายในวันนี้ คนเหล่านี้ถูกจับกุมหลังล่องเรือไปยังเกาะเซนกากุ หรือที่จีนเรียกว่า เกาะเตียวหยู ในทะเลจีนตะวันออกเมื่อวันพุธ เพื่อยืนยันว่า จีนเป็นเจ้าของเกาะแห่งนี้ แม้ว่าญี่ปุ่นอ้างกรรมสิทธิครอบครองเกาะนี้ด้วยเช่นกัน
นายกรัฐมนตรีโยชิฮิโกะ โนดะ เสียใจมากกับเหตุการณ์รุกล้ำน่านน้ำที่เกิดขึ้น และตัดสินใจให้เนรเทศทั้ง 14 คน  ออกนอกญี่ปุ่น ตามข้อสรุปของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโฆษกรัฐบาลชี้แจงว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ทางการเมืองใดๆ
แต่สื่อรายงานว่า การที่ญี่ปุ่นเร่งปล่อยคนเหล่านี้ออกไปโดยเร็ว ก็เพื่อป้องกันให้เกิดกระแสประท้วง ลุกลามเป็นวงกว้าง หลังจากมีการชุมนุมต่อต้านญี่ปุ่นทั้งในฮ่องกงและจีน
วันเดียวกัน โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น แถลงว่า รัฐบาลขอเชิญเกาหลีใต้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อให้ตัดสินว่าชาติใดเป็นเจ้าของเกาะทาเคชิมะ หรือที่เกาหลีใต้ เรียกว่า เกาะด็อกโด ในทะเลญี่ปุ่น หลังจากไม่พอใจที่ประธานาธิบดีลี มยอง-บักของเกาหลีใต้เยือนเกาะพิพาทเมื่อวันศุกร์ แต่โฆษกกระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้ แถลงตอบโตันทันควันว่า รัฐบาลไม่สนใจการเคลื่อนไหวดังกล่าวของญี่ปุ่น และรัฐบาลพร้อมตอบโต้การยั่วยุใดๆจากญี่ปุ่น
นอกจากนี้  มีรายงานว่า นายจุน  อาซุมิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น บอกว่า อาจจะเลื่อนกำหนดการเดินทางไปเยือนเกาหลีใต้ในเดือนนี้ หลังความขัดแย้งเรื่องเกาะพิพาทระหว่างสองประเทศกำลังร้อนระอุ และข้อตกลงสวอปเงินระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่จะหมดอายุในเดือนตุลาคมนี้ อาจจะไม่มีการต่ออายุอีก

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สลด! เหมืองดีอาร์คองโกถล่ม คนงานดับ 60 ศพ




เกิดเหตุเหมืองแร่ทองในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของ ดีอาร์คองโก พังถล่มทับคนงาน 60 คนทั้งเป็นจนเสียชีวิต...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 17 ส.ค. ว่า เกิดเหตุเหมืองแร่ทองในมณฑลโอเรนเทล ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก หรือ ดีอาร์คองโก พังถล่มลงมา ทำให้คนงานเหมือง ซึ่งกำลังทำงานอยู่ลึกลงไปราว 100 ม. ถูกฝังทั้งเป็นและเสียชีวิตทั้งหมด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าช่วยเหลือได้ทัน

เหตุสลดเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยหน่วยงานท้องถิ่นระบุว่า หลังเกิดเหตุ หน่วยงานได้ส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปช่วยเหลือ แต่ก็เป็นไปอย่างล่าช้าและยากลำบาก เนื่องจากการเข้าถึงเหมืองดังกล่าว ต้องผ่านพื้นที่ป่าทึบ ซึ่งมีกลุ่มกองกำลังติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลเคลื่อนไหวอยู่

ทั้งนี้ อุบัติเหตุทำนองเดียวกันในดีอาร์คองโก เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากความไม่มีระเบียบในการทำเหมืองแร่ และถึงแม้ประเทศจะได้กำไรมหาศาล จากการขายทรัพยากรแร่ธาตุในดิน แต่ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศก็ยังคงอยู่ในภาวะยากจน

เผย 10 ชาติ เอเชีย เสี่ยงภัยพิบัติมากสุด ไทย ไม่อยู่ในโผ






เผยรายงาน 10 ชาติ "เอเชีย" เสี่ยงภัยภัยพิบัติทางธรรมชาติมากที่สุดในปี 2012 "ไทย" ไม่อยู่ในโผ...

สำนักข่าวบีบีซี รายงานเมื่อวันที่ 15 ส.ค. อ้างการเผยแพร่ของ "เมเปิลครอฟต์" บริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงสัญชาติอังกฤษ ว่าด้วยรายงานเรื่อง "แผนที่ความเสี่ยงภัยธรรมชาติ" เตือนว่า "เอเชีย" เป็นภูมิภาคที่มีความเสี่ยงมากที่สุด ในการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรงต่างๆ อาทิ  น้ำท่วม แห้งแล้ง แผ่นดินไหว และพายุ เป็นต้น

ทั้งนี้ 10 ประเทศที่เสี่ยงประสบภัยธรรมชาติในเอเชียมากที่สุดในปี 2012 ได้แก่ บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐโดมินิกัน พม่า อินเดีย เวียดนาม ฮอนดูรัส ลาว เฮติ และนิการากัว

อนึ่ง ตลอดระยะเวลา 12 เดือนของปีที่แล้ว ข้อมูลความเสียหายจากภัยธรรมชาติในเอเชีย ระบุสูญเสียมากถึง 380 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 114,000,000 ล้านบาท) ซึ่งก้อนใหญ่สุด เกิดจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิญี่ปุ่น เมื่อ 11 มี.ค. ก่อให้เกิดความเสียหายมากถึง 210 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  (ราว 6,300,000 ล้านบาท).

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พายุโซนร้อน"ไคตั๊ก"ถล่มซ้ำฟิลิปปินส์

พายุโซนร้อน"ไคตั๊ก"ถล่มซ้ำฟิลิปปินส์

.



สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของฟิลิปปินส์รายงานว่า  พายุโซนร้อนไคตั๊ก พัดกระหน่ำฟิลิปปินส์แล้วเมื่อเช้าวันพุธ ทำให้เกิดฝนตกหนัก เป็นสาเหตุให้น้ำท่วมและดินถล่มอีกรอบ ซ้ำรอยพายุก่อนหน้านี้ที่ถล่มฟิลิปปินส์อย่างหนักมาแล้ว  โดยพายุโซนร้อนไคตั๊ก เคลื่อนตัวเข้ากระหน่ำทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะลูซอนก่อนรุ่งเช้า  ด้วยลมกระโชกแรงและปริมาณฝนที่วัดได้ 1.3 นิ้วต่อชั่วโมง   ขณะที่ กรุงมะนิลาและปริมณฑลไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง
ด้าน นายเมลชิโต  คาสโตร  หัวหน้าฝ่ายป้องกันภัยพลเรือนในภูมิภาคอิโลคอส ทางเหนือของประเทศกล่าวว่า  ฝนตกหนักทำให้น้ำท่วม 4 เมือง  แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตรอบใหม่  กระนั้นเกิดดินถล่มบนถนนหลวงบางช่วง ทำให้การจราจรถูกตัดขาด   ส่วนนายนอร์มา ทาโลซิก   เจ้าหน้าที่ป้องกันภัยพลเรือนทางฝั่งตะวันออกของเกาะลูซอนบอกว่า ทางการกำลังเฝ้าติดตามแม่น้ำคากายันอย่างใกล้ชิด  เนื่องจากหวั่นเกรงว่า ระดับน้ำอาจล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมเขตชุมชน
สำหรับพายุไคตั๊ก ถูกคาดว่า จะซ้ำเติมความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเกือบ 5 แสนคนที่ยังคงอยู่ในศูนย์อพยพหลายแห่งในพื้นที่ต่างๆ นอกกรุงมะนิลา นับตั้งแต่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว    ขณะเดียวกัน  นายเบนิโต รามอส   หัวหน้าสภาการจัดการและลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติกล่าวเตือนประชาชนในกรุงมะนิลาและปริมณฑลให้เตรียมพร้อมรับมือพายุไคตั๊ก ที่อาจจำเป็นต้องอพยพกันอีก

วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กรุงเทพฯติดโผเมืองใหญ่เสี่ยงถูกภัยธรรมชาติทำลายย่อยยับ อันดับ 10 ของโลก / อันดับ 1 อาเซียน

       เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ผลการศึกษาขององค์การว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ “โออีซีดี” ระบุ กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของไทยติด “อันดับ 10 ของโลก” และ “อันดับ 1 ในอาเซียน”ในฐานะเมืองใหญ่ที่มีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก และถือเป็นเมืองสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งยวดต่อภัยคุกคามจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น และการทำลายล้างของคลื่น “สตอร์ม เซิร์จ” โดยคาดว่า มูลค่าทรัพย์สินในกรุงเทพฯที่สุ่มเสี่ยงต่อหายนะดังกล่าว อาจพุ่งสูงถึง 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 34.9 ล้านล้านบาท) ในปี ค.ศ.2070 หรืออีก 58 ปี นับจากนี้
      
        รายงานขององค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศดังกล่าวซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1961 และมีฐานอยู่ที่กรุงปารีสของฝรั่งเศสระบุว่ามีเมืองท่ามากกว่า 130 แห่งทั่วโลกที่กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆต่อภัยคุกคามจากเหตุน้ำท่วมเพราะคลื่น “สตอร์ม เซิร์จ” , ภัยคุกคามจากพายุ รวมถึง การที่ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น และมีอุณหภูมิอุ่นขึ้นกว่าปกติ ซึ่งทางโออีซีดีระบุว่า กรุงเทพมหานครเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ ที่ขาดการวางแผนด้านการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพ และยังมีการบริหารจัดการในเชิงโครงสร้างที่ “ย่ำแย่” ซึ่งแน่นอนว่า จะยิ่งส่งผลให้มีคนกรุงเทพฯต้องตกอยู่ในความเสี่ยงจากภัยคุกคามดังกล่าวมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับในอีกหลายเมืองใหญ่ทั่วโลก
      
        ผลการศึกษาขององค์การระหว่างประเทศซึ่งมีสมาชิก 34 ชาติดังกล่าวระบุว่า เมืองหลวงของไทยซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ไม่ต่ำกว่า 12 ล้านคนซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกขนานนามว่า “เวนิสตะวันออก” แห่งนี้ อาจตกอยู่ในอันตรายจากภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกมากขึ้น ซึ่งภายในปี ค.ศ. 2070 ประชากรของกรุงเทพฯ ไม่ต่ำกว่า 5.1 ล้านคนจะตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจาก “สารพัดภัยธรรมชาติ” ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์คลื่นซัดกระหน่ำชายฝั่ง น้ำท่วม หรือ พายุ
      
        ขณะที่มูลค่าทรัพย์สินในเมืองหลวงของไทยที่สุ่มเสี่ยงถูกทำลาย ก็คิดเป็นวงเงินมหาศาลถึง 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 34.9 ล้านล้านบาท และทำให้กรุงเทพฯกลายเป็นมหานครที่เสี่ยงต่อภัยคุกคามจากสภาพอากาศโลกมากที่สุดเป็นอันดับที่ 10 ของโลก แต่เป็นเมืองที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
      
        ด้านโฮเซ อังเฆล กูร์เรีย อดีตนักการทูตชาวเม็กซิกัน วัย 62 ปี ในฐานะเลขาธิการใหญ่ของโออีซีดี ออกมาเปิดเผยว่า เหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ในประเทศไทยที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้วและสร้างความเสียหายเป็นวงเงินมากกว่า 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.43ล้านล้านบาท) นั้น ถือเป็นสัญญาณเบื้องต้นที่บ่งชี้ว่า นับจากนี้เมืองหลวงของไทยจะต้องเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น
      
        ทั้งนี้ รายงานของโออีซีดีระบุว่า 10 เมืองใหญ่ของโลกที่สุ่มเสี่ยงจะถูกทำลาย หรือเสี่ยงได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกมากที่สุด คือ เมืองไมอามี มลรัฐฟลอริดา ของสหรัฐฯ, นครกว่างโจว ของจีน, มหานครนิวยอร์กและเมืองนวร์ก ของสหรัฐฯ, เมืองโกลกาตาหรือกัลกัตตาของอินเดีย,นครเซี่ยงไฮ้ของจีน , เมือง มุมไบของอินเดีย, เมืองเทียนจินหรือเทียนสินของจีน, กรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น, เขตปกครองพิเศษฮ่องกงของจีน และปิดท้ายด้วยกรุงเทพมหานครของไทย ในอันดับที่ 10